หนีไม่รอด ผู้ช่วยทันตแพทย์สาว บุกหมู่บ้านดัง ลักทองคำ 16 บาท คากำไลอีเอ็ม เปิดปากสารภาพอ้าง หาเงินวิ่งเต้นคดี ทำเจ้าของป่วยโรคซึมเศร้า คิดก่อเหตุสลด
วันที่ 10 พ.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นางนุชวดี (ขอสงวนนามสกุลจริง) อายุ 72 ปี แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ถูกคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์สินเป็นทองคำแท่งและทองรูปพรรณ รวมน้ำหนัก 16 บาท มูลค่า 8 แสนบาท ไปจากกล่องในตู้เสื้อผ้าที่ซ่อนไว้ภายในบ้านพักหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี
หลังรับแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ไปตรวจสอบบ้านพักของผู้เสียหาย จึงพบว่าคนร้ายได้ถอดเอากล้องวงจรปิดภายในบ้านไป จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเข้าออกของหมู่บ้าน
หนีไม่รอด ผู้ช่วยทันตแพทย์สาว บุกหมู่บ้านดัง ลักทองคำ 16 บาท คากำไลอีเอ็ม เปิดปากสารภาพอ้าง หาเงินวิ่งเต้นคดี ทำเจ้าของป่วยโรคซึมเศร้า คิดก่อเหตุสลด
ก่อนจะพบกับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งเป็นหญิงอายุ 35-40 ปี สวมเสื้อยืดสีเหลือง สวมกางเกงขายาว สวมหมวก และสวมแว่น เดินกางร่มเข้ามาภายในซอยบ้านที่เกิดเหตุ ตรวจสอบจึงพบว่าหญิงดังกล่าวได้ขึ้นรถแท็กซี่ออกจากหมู่บ้านไป ตำรวจตรวจสอบประวัติคนร้ายที่มีลักษณะใกล้เคียงกับหญิงดังกล่าว จนทราบว่า เคยมีคดีถูกจับที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ปี 2563 ในคดีลักทรัพย์มาก่อน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 23.00 น.ของวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธีภพ ผดุงนาม รอง สว.สส., ร.ต.ท.ประดิษฐ์ศิลป คุณเลิศ รอง สว.สส. และ ร.ต.ต.อดุลย์ ภูชุม รอง สว.สส. นำกำลังตำรวจสืบสวน
เข้าทำการจับกุมตัว น.ส.สาธิกุล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ทำงานเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ ได้ที่บ้านพักย่าน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ก่อนที่ผู้ต้องหาจะยอมรับสารภาพและพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดของกลางที่ก่อเหตุลักไป
และนำไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่งใน ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยพบทองคำแท่ง น้ำหนัก 5 บาท จำนวน 2 แท่ง ทองคำแท่ง 1 บาท อีก 1 แท่ง รวม 11 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของนางนุชวดี ผู้เสียหายที่ถูกขโมยไป
จากการสอบสวน น.ส.สาธิกุล ให้การรับสารภาพว่า ตนทำงานเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ แต่เงินไม่พอใช้ วันเกิดเหตุได้มาเดินตระเวนดูลาดเลาตามบ้าน จนไปเห็นว่าบ้านเกิดเหตุไม่มีคนอยู่เลยลองเปิดประตูรั้วและประตูบ้าน พบว่าไม่ได้ล็อกประตู
ตนได้เข้าไปรื้อค้นลักทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณและทองคำแท่งได้จากตู้เสื้อผ้าภายในบ้าน หลังได้ทรัพย์สินแล้ว ตนได้ถอดเอากล้องวงจรปิดภายในบ้านไปด้วย ก่อนจะเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่ตลาดสดเมืองปทุมธานี เพื่อเอาทองบางส่วนไปขายที่ร้านทอง ได้เงินมาประมาณ 1 แสนกว่าบาท
หลังได้เงินได้เอาไปจ่ายหนี้ และค่างวดรถจักรยานยนต์ของลูกชาย และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนทองแท่งที่เหลือ 11 บาท ตนได้เอาไปซ่อนที่บ้านของปู่ ก่อนจะถูกตำรวจตามมาจับกุม
ต่อมา นางนุชวดี ได้เดินทางมาดูทรัพย์สิน และยืนยันว่าเป็นของตนที่คนร้ายก่อเหตุลักไป พร้อมกล่าวว่า ทองดังกล่าวได้ซื้อเก็บสะสมไว้ ตอนนี้ตนกำลังทำบ้านใหม่ จึงเตรียมจะนำทองไปขายเพื่อมาทำบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ โดยยังขาดเงินอยู่ 6 แสนกว่าบาท ไปหากู้ที่ไหนก็ยังไม่ได้
จึงคิดจะนำทองที่มีอยู่ไปขาย แต่ทองทั้งหมดกลับถูกคนร้ายขโมยหายไปหมด ตนทำอะไรไม่ถูก เครียดจนนอนไม่หลับ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เพื่อหาเงินที่จะได้จากฌาปนกิจมาให้ลูกทำบ้านต่อให้เสร็จ ตนไม่รู้ว่าเคยไปทำบาปอะไรให้เขาถึงได้ลักของไปไม่เหลือไว้ให้เลยสักชิ้น
ทำให้ทางด้าน น.ส.สาธิกุล ได้กล่าวขอโทษกับนางนุชวดีผู้เสียหาย โดยอ้างว่ามีความจำเป็นต้องหาเงินไปสู้คดีที่มีอยู่หลังถูกศาลสั่งใส่กำไลอีเอ็มไว้
จากตรวจสอบประวัติ น.ส.สาธิกุล พบว่า ปี 2563 เคยถูกจับคดีลักทรัพย์ สภ.รัตนาธิเบศร์ ต่อมาในปี 2566 ถูกจับในคดีลักทรัพย์เช่นเดียวกันในพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด และในปีเดียวกันยังถูกจับคดีลักทรัพย์ ในพื้นที่ สน.สายไหม ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัวคดีลักทรัพย์ ของสภ.ปากเกร็ดออกมา โดยศาลได้สั่งติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม อิเล็กทรอนิกส์เอาไว้
หลังสอบสวนได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ ในเคหะสถาน โดยกระทำการด้วยประการอื่นใดเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป