หนุ่มออสซี่ป่วยโรคประหลาด จับของเย็นรู้สึกร้อน จับของร้อนรู้สึกเย็น แพทย์ชี้เป็นความผิดปกติของเส้นประสาท ยังไม่มีหนทางรักษา

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน ปัญหาของเอเดน แมคมานัสเริ่มต้นขึ้นเมื่ออายุ 17 ปี ในขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้ายของโรงเรียนมัธยม ในตอนแรก เขาสูญเสียความรู้สึกที่เท้า จากนั้นจึงบอกกับแม่ว่า “ผมรู้สึกชาและมีอาการเหน็บ”

จากนั้น เมื่อเท้าของเขาเริ่มบวมจึงไปโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้ให้ยาสำหรับภาวะบวมน้ำ แต่ไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการเลย สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อเอเดนเริ่มเดินเหมือนกับการเหยียบบนตะปูแหลม และเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวนหลังการติดเชื้อไวรัส (post-viral IBS)

ซึ่งทำให้อาการของเขาซับซ้อนมากขึ้น แม้จะมีสุขภาพที่ทรุดโทรม เอเดนยังสามารถจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมได้ แต่หลังจากนั้นเขาเริ่มมีความรู้สึกแปลกประหลาดที่มือด้วย เมื่อเขาสัมผัสสิ่งที่เย็น มือของเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเผาไหม้ และเมื่อเขาสัมผัสสิ่งที่ร้อน กลับรู้สึกเย็นจัด

“เราได้รับแจ้งว่าอาการนี้จะลุกลามไปที่มือของเอเดนได้” แองเจลา แมคมานัส แม่ของหนุ่มเอเดนบอกกับสำนักข่าว 9News “เราคิดว่ามันอาจเกิดขึ้นในอีก 10 – 15 ปีข้างหน้า แต่คืนหนึ่ง เอเดนมาหาฉันและบอกว่า ‘แม่ครับ ผมหยิบกระป๋องโค้กแล้วรู้สึกเหมือนมือกำลังลุกเป็นไฟ’ ถ้าเขาจับสิ่งที่เย็น มันรู้สึกเหมือนมือกำลังถูกเผาไหม้ และถ้าเขาหยิบสิ่งที่ร้อน มันกลับรู้สึกเหมือนแช่แข็ง”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางระบบประสาทพยายามค้นหาสาเหตุของอาการแปลกประหลาดของเอเดนมาหลายปี พวกเขาได้ทำการทดสอบนับสิบครั้ง เจาะน้ำไขสันหลัง และแม้กระทั่งตัดเส้นประสาทส่วนหนึ่งที่เท้าของเขาเพื่อตรวจชิ้นเนื้อ แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้

ในที่สุด แพทย์ได้วินิจฉัยว่าชายหนุ่มวัย 22 ปีคนนี้เป็นโรคความผิดปกติของเส้นประสาททั่วไป ที่เรียกว่า ‘axonal peripheral neuropathy’ ซึ่งส่งผลต่อการส่งสัญญาณของเซลล์ประสาทไปทั่วร่างกาย “ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน เขาไม่สามารถทำอาหารได้ เขาต้องระมัดระวังมาก เมื่อฉันทำอาหารให้เขา ฉันต้องบอกว่า ‘มันร้อนมาก หรือมันเย็นมาก'” แม่ของเอเดนกล่าว

น่าเสียดายสำหรับเอเดนและครอบครัว หน่วยงานประกันความพิการแห่งชาติของออสเตรเลีย (NDIA) ได้ปฏิเสธคำขอรับการสนับสนุนของเขา โดยอ้างว่าเขายังไม่ได้ “ตรวจสอบทางเลือกการรักษาที่เป็นไปได้ทั้งหมด” อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทของหนุ่มคนนี้ได้ชี้แจงว่าเขาเป็นโรคทางระบบประสาทที่มีการลุกลามต่อเนื่อง ซึ่งไม่มีการรักษาที่เป็นที่รู้จัก

“ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้เขามีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครองภายใต้ NDIS เนื่องจากผมเชื่อว่าเขามีความพิการที่รักษาไม่หาย และอาการจะแย่ลงเรื่อย ๆ” จดหมายของแพทย์ถึงหน่วยงานระบุ