ขับรถ 5,000 กม. ไปตามหาพ่อผัว หลังผัวตาย สะใภัตกใจ เจอความลับที่ซ่อนมา 10 ปี
sanook May 11, 2025 11:14 AM

ขับรถ 5,000 กม. กลับบ้านไปพาพ่อสามีอยู่ด้วย หลังจากสามีเสียชีวิต ลูกสะใภ้ตกใจเมื่อเปิดเผยความลับที่ซ่อนมานานถึง 10 ปี "ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้?" 

เว็บไซต์ SOHA รายงานเรื่องราวของลูกสะใภ้ชาวจีนรายหนึ่ง ที่ขับรถกว่า 5,000 กิโลเมตร เพื่อไปตามหาพ่อสามีมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน หลังจากสามีของเธอเสียชีวิต และพบว่าความลับที่พ่อสามีเก็บไว้นานถึง 10 ปี ทำเอาเธอถึงกับตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าพ่อสามีจะคิดถึงอนาคตของหลานๆ มากขนาดนี้

หญิงสาวรายนี้ เล่าว่า "ฉันชื่อหลัม ฮั่น อายุ 42 ปี ปัจจุบันทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินในบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งที่เซี่ยงไฮ้ เรื่องราวที่ฉันจะเล่าไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการเดินทางไกล 5,000 กม. แต่ยังเป็นการเปิดเผยความจริงที่ทำให้ฉันน้ำตาคลอ

สามีของฉัน คุณเจียว ลุ่ย เสียชีวิตจากโรคร้ายเมื่อมากกว่า 1 ปีที่แล้ว หลังจากงานศพ ฉันคิดว่าคงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกแล้ว แต่เพราะลูกสองคนยังเล็ก ฉันจึงบอกกับตัวเองว่าไม่สามารถยอมแพ้ได้ ต้องสู้ต่อไป ด้วยการดูแลงาน ลูก และบ้านคนเดียว หลายครั้งฉันรู้สึกอยากจะยอมแพ้ หลังจากงานศพ ฉันแทบไม่ได้ติดต่อกับพ่อสามี คุณเจียว กั๋วจวง เลย

ในช่วงที่สามีของฉันยังมีชีวิตอยู่ เขากับพ่อมักจะไม่ค่อยพูดคุยกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างเย็นชา ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสามีถึงเป็นแบบนี้ รู้แค่ว่าหลังจากที่เขาขึ้นเมืองไปเรียนมหาวิทยาลัย พ่อสามีก็ยังคงอยู่ที่บ้านเกิดในทิเบต และแทบไม่มีการติดต่อกันเลย ค่อนข้างน้อยที่จะพูดถึงเขา ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราแทบจะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของผู้ชายคนนี้เลย สามีของฉันไม่เคยโทรหาพ่อ หรือแม้แต่พูดถึงเรื่องที่จะพาพ่อมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

หลังจากสามีฉันเสียชีวิต ฉันบังเอิญพบการ์ดอวยพรจากทิเบตในกล่องจดหมายเก่าของเขา ซึ่งทั้งหมดลงชื่อว่า "พ่อ" ส่งมา ทุกปีเกือบจะส่งมาเป็นประจำ แต่ทั้งหมดกลับถูกทิ้งไว้ในลิ้นชัก อาจจะเพราะเขาไม่ได้อ่าน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับลูกชาย แต่เมื่อเห็นลายมือสั่นๆ และคำพูดเต็มไปด้วยความรักจากพ่อ ฉันก็หลั่งน้ำตา

ฉันตัดสินใจ: ฉันต้องไปหาท่าน

เนื่องจากท่านไม่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ฉันจึงต้องติดต่อผ่านคนในหมู่บ้าน จนสามารถหาที่อยู่ของท่านได้ จากนั้นฉันจึงขับรถเดินทางไกลกว่า 5,000 กม. ไปที่บ้านเกิดของท่าน โดยที่ลูกทั้งสองของฉันได้ไปฝากให้คุณยายดูแลระยะสั้น

การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ผ่านฝน พายุ หิมะ และทางโค้งอันตราย แต่ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การรวมตัวกันของครอบครัว แต่ยังเป็นการค้นหาความทรงจำและภาระหน้าที่ในครอบครัวที่สามีของฉันยังไม่ได้ทำให้เสร็จ

เมื่อถึงที่นั่น ท่านกำลังนั่งอยู่ในบ้านไม้หลังเล็กๆ กำลังจุดไฟทำอาหารเอง ท่านมองฉันด้วยความตกใจ ราวกับไม่เชื่อว่าลูกสะใภ้จากเซี่ยงไฮ้จะขับรถข้ามครึ่งประเทศมาหาท่าน

ฉันพูดว่า: “พ่อคะ ฉันมารับพ่อไปอยู่กับหลาน บ้านไม่มีพ่อไม่ได้หรอกค่ะ” ท่านร้องไห้ออกมา

แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจที่สุดคือต่อมาท่านนิ่งเงียบแล้วยื่นกล่องไม้เก่ามาให้ฉัน เปิดออกมาเป็นสมุดบัญชีออมทรัพย์และจดหมายหลายฉบับที่ท่านเขียนให้สามีของฉันแต่ไม่เคยส่ง

ในสมุดบัญชีออมทรัพย์นั้นมีเงินมากกว่า 800,000 หยวน (ประมาณ 3.6 ล้านบาท)

“พ่อทำแบบนี้เพื่ออะไร?” ฉันถามด้วยเสียงสั่นเครือ

ท่านตอบเสียงช้าๆ “พ่อรู้ว่าพ่อผิดพลาดในอดีต ตอนที่แม่เสีย พ่อเสียใจมากจนหลงไปติดเหล้า ดุด่าว่ากล่าวลูก มันเลยหนีเข้าเมือง พ่อไม่โกรธ แต่จากนั้นพ่อก็เลิกเหล้า ทำงานทุกอย่าง เลี้ยงผึ้ง ขายน้ำผึ้ง ตัดหญ้าทำรายได้ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้พ่อเก็บส่งให้มัน แต่มันไม่ยอมรับ พ่อเองก็ไม่กล้าไปหามัน พ่อรู้ว่าพ่อทำให้ลูกชายคนเดียวของพ่อหายไป”

ท่านพูดต่อว่า เงินก้อนนี้เดิมพ่อเก็บไว้เพื่อช่วยสามีของฉันซื้อบ้าน หรือเพื่อเลี้ยงดูหลานเรียนหนังสือ หลังจากที่สามีฉันเสีย ท่านตั้งใจจะใช้มันสร้างหลุมศพให้สามี แต่หลังจากฉันมาถึง ท่านอยากจะมอบทั้งหมดให้กับฉันและลูก

“พ่อผิดไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้พ่อแค่อยากอยู่ใกล้ลูกสะใภ้และหลานๆ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ พ่อจะพยายามแก้ไขความผิดที่ทำไป” ท่านกล่าว

เรื่องราวของท่านทำให้ฉันไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ ฉันจำได้ว่าในช่วงที่ทั้งฉันและสามีต้องทำงานหนักเพื่อผ่อนบ้าน ลูกของเราต้องหยุดเรียนพิเศษเพราะขาดเงิน ถ้าฉันรู้ถึงเงินก้อนนี้เร็วกว่านี้ อาจจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นกว่านี้

แต่สิ่งที่ทำให้ฉันอบอุ่นใจที่สุดคือพ่อสามี ถึงแม้ท่านจะขาดการติดต่อกัน แต่ท่านก็ยังคอยดูแลเราจากระยะไกล อาจจะเพราะสามีของฉันยังไม่พร้อมจะให้อภัย แต่ฉันคิดว่าลูกๆ ควรมีโอกาสที่จะเข้าใจและรักคุณปู่ของพวกเขา

ฉันตัดสินใจพาท่านไปอยู่ด้วยที่เซี่ยงไฮ้ วันนั้นที่รถเดินทางออกจากหมู่บ้าน เพื่อนบ้านมาส่งกันหมด ทุกคนพูดว่า “คุณลุงอยู่ที่หมู่บ้านมานานมากแล้ว ทุกคนคิดว่าเขาคงไม่มีญาติพี่น้องแล้ว”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ท่านไม่เคยใช้ชีวิตอย่างพึ่งพิงใคร ท่านยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อทำข้าวต้ม เตรียมตัวพาหลานไปโรงเรียน และในตอนเย็นก็จะออกไปที่สวนสาธารณะใกล้บ้านเพื่อออกกำลังกายทุกวัน เมื่อฉันกลับมาบ้านช้า ท่านก็จะเตรียมอาหารเย็นไว้รอ และนั่งรอจนกว่าทั้งครอบครัวจะกลับมาครบถ้วนแล้วจึงทานอาหารร่วมกัน

เรื่องราวของพ่อตาฉันก็เหมือนกับผู้สูงอายุหลายๆ คนที่อยู่ในชนบท พวกเขาไม่ค่อยรู้เรื่องการลงทุน ไม่วิ่งตามหุ้นหรือทองคำ พวกเขาแค่รู้จักการเก็บหอมรอมริบจากการทำงานหนัก และเลือกวิธีเดียวที่พวกเขาคุ้นเคย การออม

การออม แม้จะเป็นจำนวนเงินเล็กน้อย แต่หากทำอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลาหลายปี ก็สามารถสะสมเป็นจำนวนมากได้ แม้ท่านมีรายได้เพียงไม่กี่พันหยวนต่อเดือน แต่ท่านสามารถเก็บออมได้เกือบ 1 ล้านหยวนหลังจากหลายปี

ฉันรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพ่อตาแบบท่าน แต่ฉันหวังว่า ถ้าคุณยังมีพ่อแม่อยู่ ลองถามดูว่าเขากำลังใช้ชีวิตอย่างไร และเราสามารถช่วยพวกเขาให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้หรือไม่ อย่ารอจนกระทั่งพวกท่านแก่ตัวหรือจากไป แล้วค่อยมานั่งเสียใจว่าเราไม่ได้ทำมากพอ"

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.