หมายเหตุ – ความเห็นของนักวิชาการต่อสถานการณ์รัฐบาลเผชิญปัญหาทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ควรจะมีทางออกอย่างไร
ยุทธพร อิสรชัย
อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ทางออกทางการเมืองไทยในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำโดยแพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญกับประเด็นปัญหาหลากหลายอย่างทั้งปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ท้ายที่สุดหลายคนมักพูดถึงเรื่อง รัฐล้มเหลว มองว่าไม่ไปถึงขั้นนั้น แต่ปัญหาติดอยู่ที่เสถียรภาพของรัฐบาล และปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก รัฐบาลจะต้องแก้ไข เป็นโจทย์ใหญ่จนถึงปัจจุบันนี้
ทางออกของรัฐบาลถ้าเรามองออกเป็น 2 มิติใหญ่ ด้านที่ 1.มิติการเมือง ปัญหาที่เราเห็นได้ชัดนั้นคือ การเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องปกติของรัฐบาลผสมจะเกิดภาวะเช่นแบบนี้ เพราะรัฐบาลผสมมีสิ่งที่แต่ละพรรคมักมีจุดยืนทางการเมืองเป็นของตัวเอง และเรื่องของแนวทางวิธีปฏิบัติทางการเมือง มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว เพราะถ้าทุกพรรคเห็นตรงกัน หรือมีอุดมการณ์ทางความคิดตรงกัน เขาก็ไม่ต้องอยู่กันคนละพรรค สามารถอยู่พรรคเดียวกันได้เลย
อย่างไรก็ดีมองว่าเป็นภาวะปกติของรัฐบาลผสม เกิดขึ้นจากกลไกในรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังคงบังคับใช้อยู่ แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ เราก็จะได้หน้าตารัฐบาลในรูปแบบผสมเช่นเดิม เพียงแค่เปลี่ยนตัวแสดงเท่านั้นเอง แต่ว่าโครงสร้างความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลผสมก็ยังคงเป็นสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ประเด็นปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีอยู่แล้ว สุดท้ายโครงสร้างใหญ่ก็มักถูกกำกับด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560
ในทางการเมืองการพูดคุยในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เป็นโจทย์สำคัญ อาจมีพูดคุยกันเรื่องนโยบาย จุดยืนต่อกฎหมายที่สำคัญ อาทิ กฎหมายงบประมาณที่กำลังใกล้เข้ามาถึง กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลหวังจะนำเรื่องเหล่านี้ มาเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต
เรื่องนอกสภา เหล่าบรรดานักร้อง หรือการใช้กฎหมาย นิติสงครามก็เดินไป เป็นสิ่งควบคุมยาก แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลต้องระมัดระวัง ในเงื่อนไขจะทำให้เกิดเรื่องการใช้กฎหมายมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้จึงเป็นโจทย์ใหญ่ต้องแก้ จะเป็นทางออกของรัฐบาล
อีกเรื่อง การปรับคณะรัฐมนตรี ก็อาจเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการหยิบยกมาใช้ แต่การปรับคณะรัฐมนตรีก็ไม่ได้จบแค่เพียงเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แม้จะบอกว่ารัฐบาลจะมีการถอดบางพรรคออก นำบางพรรคเข้า เสียงก็ยังไปได้ แต่ท้ายที่สุดก็อย่าลืมว่า วันนี้ยังมีความเกี่ยวพันกับเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยเฉพาะ หากต้องมีการผ่านกฎหมายสำคัญๆ หรือมีกลไกการตรวจสอบรัฐบาลต่างๆ
ด้านที่ 2.มิติเศรษฐกิจ ให้น้ำหนักมากกว่าเรื่องนิติสงคราม หรือบรรดานักร้องต่างๆ เพราะว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนโดยตรง ส่งผลกระทบต่อปากท้อง และทุกคนก็ได้รับผลกระทบกันหมด เพราะฉะนั้นต้องเร่งขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ อาจจะต้องแก้ปัญหาในระยะสั้นไปก่อน ส่วนนโยบายในการแก้โครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาวก็ต้องทำคู่ขนานกันไป
รัฐบาลจะต้องขับเคลื่อนนโยบายระยะสั้นออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนเฝ้ารอเรื่องเหล่านี้อยู่ ในขณะเดียวกัน ปัจจัยภายนอกที่เราอยู่นอกเหนือการควบคุมคือ สงครามภาษี ระหว่างมหาอำนาจ ประเทศไทยเราก็อยู่ตรงกลางได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าไม่ใช่โจทย์ที่ง่าย ต้องระดมความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ การจัดวางทีมที่แข็งแกร่งในการออกไปต่อสู้กับกระแสปัญหาระดับโลกเช่นนี้ และหาทางสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการสร้างทางเลือกเศรษฐกิจ อื่นๆ ไม่ผูกติดกับ 2 มหาอำนาจระดับโลก ต้องมีทางเลือกเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
การแก้โจทย์ใหญ่ของการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา มาตรการทางภาษีที่มีความสุดโต่งมาก ท้ายที่สุดก็อาจจะวนกลับมาเป็นผลลบกับชาวอเมริกันเอง ในระยะอีก 6 เดือนข้างหน้า เราก็จะอาจเห็นปัญหาเศรษฐกิจภายใน เพราะสหรัฐอเมริกามีการบริโภคสูงมากอันดับต้นๆ ของโลก การนำเข้าสินค้าต่างๆ อุปโภค บริโภค การไปตั้งกำแพงภาษี ท้ายที่สุดก็วนกลับไปหาสหรัฐอเมริกาเอง คิดว่าไม่ใช่เป็นการจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นเพียงการสร้างความปั่นป่วนในระเบียบโลกมากกว่า
อย่างไรก็ตามเป็นโจทย์ใหญ่ ประเทศไทยต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาช่วยกันระดมสมอง และการทูตมีหลากหลายมิติ หลายระดับ ไม่เพียงแค่เป็นการพบโดนัลด์ ทรัมป์ เท่านั้น ต้องเป็นการแก้ปัญหา มิติภาคพื้นธุรกิจเข้ามาช่วยเติม ทั้งมิติที่ไม่เป็นทางการด้วย แน่นอนว่า 2 มหาอำนาจนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ แต่เราก็ควรมีทางเลือกเศรษฐกิจ อื่นๆ เข้ามาเติม และเข้ามาเสริมด้วยเช่นเดียวกัน
นพพร ขุนค้า
อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ฉะเชิงเทรา
ปัญหาหลายด้านกำลังถาโถมรุมเร้ารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นปลายทางสุดท้ายของรัฐบาลข้ามขั้ว จนนำมาสู่การแตกหักระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ในการจัดตั้งรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ถึงขณะนี้ถือได้ว่ามีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เพราะเราก็รู้กันอยู่แล้วว่า แต่ละฝ่ายแต่ละพรรคต่างเดินหน้าเอาคืนกัน แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่กล้าจะดีดออก พรรคเพื่อไทยยังไม่กล้าดีดพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลแน่นอน เพราะปัญหาต้องกลายเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ประกอบกับในความเป็นจริงถูกพูดถึงกันอยู่ว่า พรรคภูมิใจไทยนั้นยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับ ส.ว.เป็นอย่างสูง ตามที่กำลังถูกออกหมายเรียกกันทั้งหลายอยู่นี้ อย่างไรพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่อาจหาญกล้าดีดพรรคภูมิใจไทยออกไปจากรัฐบาลแน่นอน
แต่สิ่งต้องเดินต่อคือ การปรับ ครม.เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้ เพราะขณะนี้เห็นเป็นที่ประจักษ์กันแล้วว่า ผลงานของรัฐบาลนี้แทบจะไม่ออกเลย จากสภาวะเศรษฐกิจพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน
และปัญหาสังคม หากไม่ปรับ ครม.เพื่อให้เดินหน้า จึงมองว่ายาก แม้หลายคนจะมองว่าจะมีการยุบสภาเพื่อเป็นการแก้เกมหรือไม่นั้น ความเห็นส่วนตัวมองว่าพรรคการเมืองทุกพรรคยังไม่พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เพราะอย่าลืมว่าขณะนี้กำลังมีการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น
กันอยู่ รวมถึงในช่วงปลายปีก็ยังจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นกันอีก
ขณะที่พรรคการเมืองหลายพรรคได้ไปเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของผู้สมัครในสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น จึงยังไม่พร้อมจะใช้ทรัพยากรอย่างหนักกันปีนี้ ฉะนั้นแล้วจึงยังต้องอยู่กันต่อไป ทำให้มองได้ว่าทางออกจะเดินต่อไปได้คือการปรับ ครม. แต่ในการปรับ ครม.นั้นยังมีกฎหมายสำคัญหลายกฎหมายที่พรรคเพื่อไทยต้องการ เช่น ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจจะเดินต่อลำบาก เพราะความขัดแย้งยังมีอยู่ แม้จะเดินต่อไปได้ แต่บางอย่างยังมีอุปสรรคในการขับเคลื่อนกฎหมายและนโยบายบางอย่าง แต่จะถึงขั้นดีดเอาพรรคภูมิใจไทยออกไปนั้น ไม่เชื่อว่าจะทำได้ในขณะนี้
ส่วนการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น หากไม่ได้มือเชี่ยวชาญจริงๆ หรือถ้าไม่ได้คนมีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจจริงๆ ตอนนี้มองว่ายาก อย่าไปมองที่โควต้าหรือที่นั่งของกลุ่มก๊วนต่างๆ แต่ก็เข้าใจว่าถึงเวลานี้แล้ว แทบจะไม่มีใครอยากจะมา หากใครมาแตะช่วงเวลานี้ จะยิ่งกว่าเผือกร้อน เพราะว่ามีปัญหาทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ อย่างไรก็ตามก็ต้องเอาคนมีความรู้ความสามารถจริงๆ เข้ามาในกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญให้ได้
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ แม้กระทั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นกระทรวงที่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ จึงคิดว่าควรเอาตัวจริง เอาคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ เข้ามา อย่ามัวแต่มองเพียง
โควต้าตามกลุ่มตามก๊วน มิฉะนั้นแล้วหากเอาคนไม่มีความสามารถเข้ามานั่งในกระทรวงเศรษฐกิจ จะกลับมาอยู่ในสภาพอย่างที่พวกเราเห็นกันอยู่ในขณะนี้คือเดินต่อไปไม่ได้
ทุกวันนี้จากที่ได้ไปสัมผัสกับพี่น้องประชาชน เคยมองว่าจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยคือเรื่องของเศรษฐกิจ กลับกลายเป็นจุดอ่อนไปได้เลยในเวลานี้ จึงมองว่าทิศทางของรัฐบาลชุดนี้ในอนาคตต่อไปนั้นจะมีการปรับ ครม.แน่นอน เราจะได้เห็นภาพของการปรับ ครม. ไม่ว่าจะปรับเล็กปรับใหญ่ เพื่อให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ นอกจากนี้ยังจะได้เห็นกันต่อไปอีกเนืองๆ ก็คือความขัดแย้งระหว่าง 2 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย
กับพรรคภูมิใจไทย แต่ภายใต้ความขัดแย้งนั้น ก็ยังต้องอยู่ด้วยกัน เปรียบเสมือนข้าวต้มมัดที่ 2 พรรคนี้ถูกมัดให้อยู่ด้วยกัน
เป็นปัญหาและอุปสรรคในการเดินหน้าต่อการทำนโยบายต่างๆ แต่สุดท้ายก็ต้องฝากไปถึงยังทั้ง 2 พรรคนี้ว่า ให้นึกถึงพี่น้องประชาชน นึกถึงวันที่ท่านเดินไปขอเสียงจากประชาชนว่าท่านจะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประเทศ วันนี้พี่น้องประชาชนเขารอคอยการแก้ปัญหาจากรัฐบาลด้วยความคาดหวังสูง ถึงจะมีความขัดแย้งกันอย่างหนัก ก็อยากให้ย้อนกลับมานึกถึงประชาชนบ้าง ภายใต้ความขัดแย้งนี้ ก็ขอให้นึกถึงประเทศชาติบ้าง ไม่ใช่ว่าจะเอากันจนแตกหัก ในวันนี้ประเทศชาติบอบช้ำมานานแล้ว
หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาอีก เช่น การรัฐประหาร ต้องยอมรับว่ายังตัดออกจากการเมืองไทยไม่ได้ หากฝ่ายการเมืองทะเลาะกันมาก จะเป็นการเปิดโอกาส เปิดช่องให้อีกฝ่ายหนึ่ง เขาจ้องมองอยู่เข้ามา เราไม่อยากเห็นภาพนั้น เพราะประเทศชาติบอบช้ำมากับการรัฐประหารกับวงจรที่เราเรียกกันว่าวงจรอุบาทว์มาอย่างซ้ำซาก จึงอยากให้ทั้ง 2 พรรคได้คำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
สำหรับข้อเสนอแนะ อยากฝากถึงยังรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในขณะนี้ หากจะมีการปรับ ครม.ก็อย่าปรับให้เสียของ ให้นึกถึงหลักความรู้ความสามารถ ให้เอาคนมีความรู้ความสามารถจริงๆ ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน อย่าไปมองในเรื่องของโควต้ากลุ่มก๊วน เพราะหากได้คนไม่มีความรู้ความสามารถเข้ามาก็ยังจะเดินต่อไปไม่ได้อีก จะทำให้เป็นการปรับที่เสียของ ขอให้เอาคนเก่งจริงๆ เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ อยากจะส่งเสียงบอกดังๆ ไปถึงรัฐบาลและขอขีดเส้นใต้เอาไว้เลยว่า หากคุณแก้ไม่ได้ เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะเหลือที่นั่งต่ำกว่า 100 ในสภา เพราะพรรคเพื่อไทยจะไม่มีอะไรจะขายอีกแล้ว