เงินสำรองฉุกเฉิน มีเท่าไหร่ถึงจะพอ เปิดวิธีคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินของแต่ละกลุ่ม-อาชีพ
เงินสำรองฉุกเฉินคืออะไร?
เงินสำรองฉุกเฉิน ก็คือ เงินก้อนหนึ่งที่เราเก็บออมไว้เพื่อใช้จ่ายในกรณีที่เราเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หรือเหตุฉุกเฉินทางการเงินต่างๆ
ลองนึกภาพว่าเหมือนเป็น "ตาข่ายนิรภัยทางการเงิน" ที่คอยรองรับเราไม่ให้ล้มกระแทกพื้นแรงๆ เวลาที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เช่น
- ตกงาน: เงินสำรองจะช่วยให้เรามีเงินใช้จ่ายระหว่างที่กำลังหางานใหม่
- เจ็บป่วยฉุกเฉิน: ช่วยให้เรามีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน
- รถเสีย: ช่วยให้เรามีเงินซ่อมรถเพื่อใช้ในการเดินทาง
- เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด: เช่น น้ำท่วมบ้าน, ไฟไหม้, หรือต้องซ่อมแซมบ้านเร่งด่วน
พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นเงินที่เราเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นจริงๆ ที่เราไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า
เงินสำรองฉุกเฉินสำคัญอย่างไร?
เงินสำรองฉุกเฉินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางการเงินของเรา ลองมาดูเหตุผลหลักๆ กันว่าทำไมถึงสำคัญ:
- เป็นตาข่ายนิรภัยทางการเงิน: อย่างที่เคยบอกไป เงินสำรองเปรียบเสมือนตาข่ายที่คอยรองรับเราเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันทางการเงิน เช่น ตกงานกะทันหัน, เจ็บป่วยหนักต้องเสียค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก, รถยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญในบ้านเสียต้องซ่อมแซมเร่งด่วน การมีเงินสำรองจะช่วยให้เราไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน หรือนำเงินเก็บส่วนอื่นที่ตั้งใจไว้ไปใช้ ทำให้แผนการเงินระยะยาวของเราไม่สะดุด
- ลดความเครียดและความกังวล: การรู้ว่ามีเงินสำรองฉุกเฉินพร้อมใช้ ทำให้เรามีความสบายใจและลดความกังวลเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในชีวิต เราจะสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น ไม่ต้องรีบร้อนเพราะความกดดันทางการเงิน
- ช่วยให้มีทางเลือก: เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน การมีเงินสำรองจะทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น เช่น หากตกงาน เราจะมีเวลามากขึ้นในการหางานใหม่ที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเราจริงๆ แทนที่จะต้องรีบรับงานที่ไม่ชอบเพียงเพราะต้องการเงิน
- ป้องกันการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น: ในยามฉุกเฉิน หากไม่มีเงินสำรอง หลายคนอาจต้องพึ่งพาบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งมักมีดอกเบี้ยสูง การมีเงินสำรองจะช่วยป้องกันไม่ให้เราต้องตกอยู่ในวงจรหนี้สินที่ไม่จำเป็นเหล่านี้
- รักษาสถานะทางการเงินโดยรวม: การนำเงินเก็บออมระยะยาว เช่น เงินลงทุน หรือเงินดาวน์บ้าน มาใช้ในเหตุการณ์ฉุกเฉิน จะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายทางการเงินระยะยาวของเรา การมีเงินสำรองฉุกเฉินที่แยกไว้ จะช่วยรักษาสถานะทางการเงินโดยรวมของเราได้ดีกว่า
- เพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน: เงินสำรองฉุกเฉินทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อยที่ไม่คาดคิด หรือค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่จำเป็น
พูดง่ายๆ คือ เงินสำรองฉุกเฉินช่วยให้เราสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของชีวิตได้อย่างมั่นคง และช่วยปกป้องอนาคตทางการเงินของเรา
ความสำคัญของเงินสำรองฉุกเฉิน
ความสำคัญของเงินสำรองฉุกเฉินนั้นเรียกได้ว่า เป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงทางการเงินส่วนบุคคล เลยทีเดียว ลองมาเจาะลึกถึงความสำคัญในด้านต่างๆ กัน:
- เป็นเกราะป้องกันทางการเงิน: เงินสำรองฉุกเฉินเปรียบเสมือนเกราะที่ช่วยปกป้องเราจากผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ค่าซ่อมรถยนต์กะทันหัน หรือเรื่องใหญ่ เช่น การตกงานหรือการเจ็บป่วยร้ายแรง การมีเงินสำรองจะช่วยลดแรงกระแทกและทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้โดยไม่ล้มละลายทางการเงิน
- สร้างความอุ่นใจและลดความเครียด: การรู้ว่ามีเงินสำรองฉุกเฉินพร้อมใช้ ทำให้จิตใจเราสงบและลดความกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่แน่นอน เราจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องหวาดระแวงกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
- เพิ่มทางเลือกในสถานการณ์วิกฤต: เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การมีเงินสำรองจะเปิดโอกาสให้เรามีทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น เช่น หากตกงาน เราจะมีเวลาในการมองหางานใหม่ที่เหมาะสมกับความสามารถของเราจริงๆ แทนที่จะต้องรีบร้อนรับงานที่ไม่ชอบเพียงเพราะต้องการเงินประทังชีวิต
- ป้องกันการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น: ในยามคับขัน หากไม่มีเงินสำรอง หลายคนอาจต้องหันไปพึ่งพาการกู้ยืมที่มีดอกเบี้ยสูง เช่น บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งอาจนำไปสู่วังวนของหนี้สินที่ไม่จบสิ้น การมีเงินสำรองจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงสถานการณ์เหล่านี้ได้
- รักษาสถานะทางการเงินระยะยาว: การนำเงินออมหรือเงินลงทุนที่ตั้งใจไว้สำหรับเป้าหมายระยะยาว (เช่น เงินดาวน์บ้าน, เงินเกษียณ) มาใช้ในเหตุการณ์ฉุกเฉิน จะส่งผลกระทบต่อแผนการเงินในอนาคต การมีเงินสำรองฉุกเฉินที่แยกไว้ จะช่วยให้เรายังคงสามารถเดินหน้าตามเป้าหมายทางการเงินระยะยาวของเราได้
- เสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน: เงินสำรองฉุกเฉินช่วยให้เรามีความคล่องตัวในการจัดการกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อยที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผน หรือค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่จำเป็นต้องจ่ายเร่งด่วน
- เป็นโอกาสในการคว้าโอกาส: ในบางครั้ง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจมาพร้อมกับโอกาสที่ไม่คาดคิด เช่น การได้ซื้อสินทรัพย์ราคาถูกในช่วงวิกฤต หรือการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในช่วงที่คนอื่นลังเล การมีเงินสำรองจะช่วยให้เราสามารถคว้าโอกาสเหล่านี้ได้
โดยสรุปแล้ว เงินสำรองฉุกเฉินไม่ใช่แค่เงินเก็บธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงิน ช่วยให้เรามีความมั่นคง อุ่นใจ และมีทางเลือกในการดำเนินชีวิต แม้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
เงินสำรองฉุกเฉิน ควรมีเท่าไหร่ถึงจะพอ
จำนวนเงินสำรองฉุกเฉินที่ "พอ" สำหรับแต่ละคนนั้น ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในชีวิตของคุณ แต่มีหลักการทั่วไปที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้
หลักการทั่วไป
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักแนะนำให้มีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น ของคุณ
ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนเงินสำรองฉุกเฉินที่ควรมี:
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน: หากคุณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูง คุณก็จำเป็นต้องมีเงินสำรองมากขึ้น
- ความมั่นคงของรายได้: หากคุณมีงานที่มั่นคง มีรายได้ประจำแน่นอน อาจจะมีเงินสำรอง 3 เท่าของค่าใช้จ่ายก็เพียงพอ แต่ถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์ ทำธุรกิจส่วนตัว หรือมีรายได้ไม่แน่นอน ควรมีเงินสำรองเผื่อไว้อย่างน้อย 6 เท่า หรือมากกว่านั้น
- ภาระทางการเงิน: หากคุณมีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือมีคนในครอบครัวที่ต้องดูแล อาจจะต้องมีเงินสำรองมากขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
- สุขภาพ: หากคุณหรือคนในครอบครัวมีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงด้านสุขภาพ ก็ควรมีเงินสำรองเผื่อค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม
- ประกัน: หากคุณมีประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันอื่นๆ ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน ก็อาจจะลดจำนวนเงินสำรองลงได้บ้าง
- ลักษณะงาน: บางอาชีพอาจมีความเสี่ยงในการถูกเลิกจ้างสูงกว่าอาชีพอื่น ก็ควรมีเงินสำรองเผื่อไว้นานขึ้น
วิธีคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินเบื้องต้น:
-
รวมค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น: ลองลิสต์รายการค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ ในแต่ละเดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน/ผ่อนบ้าน, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าน้ำค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์, ค่าประกัน (บางส่วน), และหนี้สินที่จำเป็นต้องจ่าย
-
คูณด้วยจำนวนเดือนที่ต้องการ: โดยทั่วไปคือ 3-6 เดือน
ตัวอย่าง: สมมติว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็นของคุณคือ 15,000 บาท
- สำหรับ 3 เดือน: 15,000 บาท x 3 = 45,000 บาท
- สำหรับ 6 เดือน: 15,000 บาท x 6 = 90,000 บาท
วิธีคำนวณเงินสำรองฉุกเฉิน 3 กลุ่มอาชีพ
การคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับแต่ละกลุ่มอาชีพจะพิจารณาจากความมั่นคงของรายได้และความเสี่ยงในการขาดรายได้ โดยมีหลักการคือ ยิ่งรายได้ไม่แน่นอนหรือมีความเสี่ยงสูง ก็ควรมีเงินสำรองเผื่อไว้นานขึ้น
นี่คือแนวทางการคำนวณเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับ 3 กลุ่มอาชีพที่คุณกล่าวมา โดยพิจารณาช่วงเวลา 6-12 เดือน
1. พนักงานเอกชน:
-
ความมั่นคงของรายได้: โดยทั่วไปมีความมั่นคงกว่าอาชีพอิสระ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการถูกเลิกจ้างตามสภาวะเศรษฐกิจหรือผลประกอบการของบริษัท
-
ระยะเวลาเงินสำรองที่แนะนำ: 6-9 เดือน ของค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น
- 6 เดือน: เหมาะสำหรับพนักงานที่มีทักษะเป็นที่ต้องการสูง มีโอกาสหางานใหม่ได้ค่อนข้างเร็ว หรือมีแหล่งรายได้เสริมอื่นๆ
- 9 เดือน: เหมาะสำหรับพนักงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความผันผวน หรือมีภาระทางการเงินค่อนข้างมาก
ตัวอย่างการคำนวณ: สมมติว่านาย A เป็นพนักงานเอกชน มีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น 20,000 บาท
- เงินสำรองฉุกเฉิน 6 เดือน: 20,000 บาท x 6 = 120,000 บาท
- เงินสำรองฉุกเฉิน 9 เดือน: 20,000 บาท x 9 = 180,000 บาท
2. ข้าราชการ:
-
ความมั่นคงของรายได้: ถือว่ามีความมั่นคงของรายได้สูงที่สุดใน 3 กลุ่มนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงในการถูกเลิกจ้างน้อยมาก
-
ระยะเวลาเงินสำรองที่แนะนำ: 6 เดือน ของค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น อาจจะพิจารณาน้อยกว่านี้ได้หากไม่มีภาระทางการเงินสูง
- 6 เดือน: เพียงพอสำหรับรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกเลิกจ้าง
ตัวอย่างการคำนวณ: สมมติว่านาง B เป็นข้าราชการ มีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น 15,000 บาท
- เงินสำรองฉุกเฉิน 6 เดือน: 15,000 บาท x 6 = 90,000 บาท
3. อาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์, เจ้าของธุรกิจส่วนตัว):
-
ความมั่นคงของรายได้: มีความไม่แน่นอนของรายได้สูงที่สุด ขึ้นอยู่กับจำนวนงาน ลูกค้า สภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่นๆ
-
ระยะเวลาเงินสำรองที่แนะนำ: 9-12 เดือน หรือมากกว่านั้น หากธุรกิจยังไม่มั่นคง หรืออยู่ในช่วงเริ่มต้น
- 9 เดือน: เหมาะสำหรับผู้ที่มีฐานลูกค้าประจำ มีงานเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ
- 12 เดือน: เหมาะสำหรับผู้ที่รายได้ยังไม่แน่นอน มีความผันผวนสูง หรืออยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจที่อาจต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้า
ตัวอย่างการคำนวณ: สมมติว่านาย C เป็นฟรีแลนซ์ มีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น 25,000 บาท
- เงินสำรองฉุกเฉิน 9 เดือน: 25,000 บาท x 9 = 225,000 บาท
- เงินสำรองฉุกเฉิน 12 เดือน: 25,000 บาท x 12 = 300,000 บาท
สรุป:
กลุ่มอาชีพ |
ความมั่นคงของรายได้ |
ระยะเวลาเงินสำรองที่แนะนำ |
พนักงานเอกชน |
ปานกลาง |
6-9 เดือน |
ข้าราชการ |
สูง |
6 เดือน |
อาชีพอิสระ |
ต่ำ |
9-12 เดือน หรือมากกว่า |
สรุป ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินกี่บาท ถึงจะเพียงพอสำหรับ 6 เดือน
วิธีการคำนวณง่ายๆ คือ:
-
ประมาณค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็นทั้งหมด: ลองนึกถึงค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่คุณต้องจ่ายทุกเดือนเพื่อดำรงชีวิต เช่น
- ค่าเช่าบ้าน/ผ่อนบ้าน
- ค่าอาหาร
- ค่าเดินทาง
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าโทรศัพท์
- ค่าผ่อนรถ (ถ้ามี)
- ค่าประกัน (สุขภาพ, รถยนต์, ฯลฯ)
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นจริงๆ
-
รวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้เข้าด้วยกัน: คุณจะได้ "ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น" ของคุณ
-
คูณค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็นด้วย 6: ผลลัพธ์ที่ได้คือ จำนวนเงินสำรองฉุกเฉินขั้นต่ำที่คุณควรมีสำหรับ 6 เดือน
ตัวอย่าง:
สมมติว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็นของคุณคือ 15,000 บาท
เงินสำรองฉุกเฉินที่ควรมีสำหรับ 6 เดือน = 15,000 บาทต่อเดือน x 6 เดือน = 90,000 บาท
ดังนั้น เพื่อให้ทราบจำนวนเงินที่แน่ชัด คุณจะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็นของคุณก่อน เมื่อได้ตัวเลขนั้นแล้ว ก็คูณด้วย 6 ก็จะได้เป้าหมายเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับ 6 เดือนของคุณ