ชัชชาติ แถลงปิดภารกิจค้นหาผู้สูญหาย-รื้อซากตึก สตง.ถล่ม เตรียมส่งมอบพื้นที่คืน 15 พ.ค.นี้
ข่าวสด May 13, 2025 05:32 PM

ชัชชาติ แถลงปิดภารกิจค้นหาผู้สูญหาย-รื้อซากตึก สตง. ถล่ม เตรียมส่งมอบพื้นที่คืน 15 พ.ค.นี้ อย่างเป็นทางการ

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 13 พ.ค.2568 ที่กองอำนวยการร่วม ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.พร้อมด้วย น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผอ.เขตจตุจักร พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. น.ส. ฐิตาพรรณ ฉันทโชติ วิศวกรโยธาชำนาญการกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกันแถลงปิดภารกิจค้นหาผู้สูญหาย และรื้อถอนเศษซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.ได้ส่งหนังสือส่งมอบพื้นที่ทั้งหมด 3 ฉบับ ฉบับที่ 1 ส่งไปที่หน่วยงานราชการ และทหาร โดยฉบับที่ 1 นั้นส่งไปแล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมกำลังพล ฉบับที่ 2 ได้ส่งถึง สตง. ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ และฉบับที่ 3 ส่งไปถึงคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น ทั้งกรมโยธาธิการ และผังเมือง พิสูจน์หลักฐาน เป็นคณะกรรมการที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งให้ทุกหน่วยงานทราบว่าภายในวันที่ 15 พ.ค.2568 เวลา 16.00 น. กทม. จะส่งมอบพื้นที่คืนให้กับ สตง.

ส่วนหลังจากที่แจ้งให้ทราบแล้วจะมีคำสั่งเป็นอย่างไรก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป ซึ่งหน้าที่ของกทม.หมดเพียงเท่านี้ แต่กทม.ยังคงอยู่ในพื้นที่ หากใครต้องการความช่วยเหลือในประเด็นใด ถ้ามีกำลังช่วยได้จะช่วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสูบน้ำ ห้องน้ำ หรือเรื่องดูแลความสะอาด

ส่วนเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาทำงานภายในอาคาร สตง. มีประมาณ1,100 – 1,200 คนต่อวัน ซึ่งภารกิจในครั้งนี้เป็นภารกิจที่ใหญ่ที่จะต้องร่วมมือกัน และชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป และคิดว่าจะต้องเจอกันอีกอย่างแน่นอน เพราะจะต้องมีปัญหาให้แก้ต่อไป

ส่วน น.ส.ทวิดา กล่าวว่า การช่วยเหลือประชาชนทั้ง 50 เขต ที่ลงทะเบียนรับความช่วยเหลือการเยียวยาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว มี 40,000 กว่าเคส เป็นเรื่องของการขอค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน ส่วนที่เป็นค่าอื่นๆ มีเพียงหลักหน่วยเท่านั้น รวมมูลค่าตัวเลขเงินที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่ 176 ล้านบาท ส่วนการใช้น้ำมันในพื้นที่ต่ำสุดอยู่ที่ 3,000 ลิตรต่อวัน และสูงสุดอยู่ที่ 6,000 กว่าลิตรต่อวัน

โดยส่วนใหญ่เป็นค่าน้ำมันที่ใช้ในเครื่องรถ เครนต่างๆ รวมแล้ววันหนึ่งค่าน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท จึงต้องนำตัวเลขนี้มาคูณ 50 วัน (10 ล้านบาท) แต่ยังมีรถบรรทุกที่ใช้ขนย้ายเศษซาก และยังมีน้ำมันในลักษณะอื่น เช่น ไฮดรอลิก น้ำมันเบนซิน เครื่องปั่นไฟ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายได้ แต่คาดว่าทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง เพราะยังไม่นับรวมถึงมูลค่าความเสียหายของอุปกรณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตลอดเวลาทำงานยังมีค่าซ่อมบำรุง ที่ต้องซ่อมทุกวัน

นอกจากนี้กทม.ได้ขอขยายความช่วยเหลือจากรัฐบาล ได้มีการปรึกษากรมบัญชีกลางไปแล้ว ในเรื่องของการอุดหนุนค่าน้ำมัน แม้ว่าทางบริษัทอิตาเลียนไทยฯ จะเป็นผู้สนับสนุนค่าน้ำมันมาตลอด แต่ในช่วงแรกมีบางหน่วยงานที่ต้องจัดการตัวเองทั้งในแง่ของการซ่อมบำรุง และน้ำมัน

ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาปฏิบัติงานนั้น ถ้าหากเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคนจะต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่ แต่ในส่วนของเอกชน และอาสาสมัครกู้ภัยทุกคนที่มาช่วย พวกเขามาช่วยด้วยใจ กทม.จึงได้ทำเรื่องขอขยายวัตถุประสงค์การใช้เงินช่วยเหลือ ว่าจะสามารถช่วยในเรื่องของค่าจ้างเจ้าหน้าที่ทุกคนที่อาสามาได้หรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมาด้วยใจ แต่ 50 วันที่ต้องมาปฏิบัติงานนั้น ถือว่าเยอะมาก เขาต้องหยุดงาน และไม่ได้รับเงินเดือน

สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ประสบภัย ที่ในช่วงแรกมีการปิดถนน จนทำให้เข้าออกไม่ได้ ทำให้ประชาชนที่เป็นผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน จะทำเรื่องขอขยายวัตถุประสงค์การใช้เงินช่วยเหลือไปด้วยเช่นกัน

ด้าน พล.ต.ต.วาที กล่าวถึงการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต ว่า ในส่วนของพิสูจน์หลักฐานกลาง จะรับผิดชอบดูแลอยู่ 2 ส่วนส่วนแรกศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลตั้งแต่วันแรก มียอดศพเข้ามา 89 ราย แบ่งออกเป็น 80 รายที่พบเป็นร่าง และ 9 รายที่เป็นชิ้นส่วน

ซึ่งวันนี้ มีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลเรียบร้อยแล้ว 86 ราย มีทั้งคนไทย เมียนมา กัมพูชา และลาว แต่ชิ้นส่วนที่เหลือ ยังไม่สามารถเทียบกับใครได้ เพราะจากข้อมูล พบว่ามีญาติศพบางส่วนที่ยังอยู่ที่ประเทศเมียนมา ยังไม่สามารถส่งเข้ามาเทียบกับศพได้ และอีกส่วนคือศพที่ยังไม่สามารถหาดีเอ็นเอได้ แต่ถือว่าเป็นส่วนน้อย เบื้องต้นมีประมาณ 3 ศพที่ยังเหลืออยู่

ส่วนวัตถุพยาน หลังจากมีการค้นหาศพ และเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ในระหว่างทาง ในทุกโซนที่ กทม. กำหนดได้เก็บวัตถุพยานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนของเหล็ก ชิ้นส่วนของแท่งคอนกรีต และการสุ่มเก็บทั้งหมด เราได้ทำงานร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ได้เข้าไปเก็บชิ้นส่วนทั้งหมด ซึ่งเหล็กได้เก็บไปทั้งหมด 366 เส้น แท่งคอนกรีต 237 แท่ง ทั้งหมดรวม 603 รายการ ที่เป็นตัวอย่างจากการเก็บตึกอาคารที่ถล่ม

ส่วนอาคารที่ไม่ได้ถล่มได้เก็บแท่งคอนกรีตจากโถงทางเดิน โถงลิฟต์ ปล่องลิฟต์ บันไดหนีไฟ และ
ได้เก็บแท่งปูน 41 ก้อน และบ่อลิฟต์อีก 40 ก้อน ซึ่งจากการประชุมเมื่อช่วงเช้า หลังจากได้มีการปิดศูนย์วันที่ 15 พ.ค. นี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะอายัดสถานที่ต่ออีก 2 แห่ง ทั้งในส่วนของอาคาร สตง. ที่ถล่ม และกองซากปูนที่ไปกองไว้ตรงบางซื่อ โดยจะมีการเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมจากทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ในระยะเวลาที่กำหนด โดยในส่วนพื้นที่ สตง. จะอายัดไว้จนถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้ ในส่วนของบริเวณบางซื่อ จะอายัดไว้จนถึงวันที่ 20 พ.ค. นี้

สำหรับญาติบางส่วนที่ยังรอศพอยู่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ไม่ต้องรอ เพราะหลังจากมีการพิสูจน์อัตลักษณ์เสร็จแล้ว จะส่งข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ จะทำหน้าที่ประสานญาติไปเอง รวมไปถึง 14 ศพที่จะทยอยออก และอีก 3 ศพที่เหลือ

ด้านน.ส. ฐิตาพรรณ กล่าวถึงการเก็บหลักฐาน ว่า ส่วนแรกคือในส่วนของอาคาร สตง. ยังคงมีชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนที่ยังคงสภาพจากการรื้อถอนอยู่ ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาแล้วว่าจะขอเก็บตัวอย่างเหล็กเส้น และคอนกรีต เพิ่มเติมอีก โดยจะมีชิ้นส่วนเสา และบ่อลิฟต์ที่มีเหลืออยู่

ส่วนที่เป็นกองเหล็กเส้น บริเวณศาลเยาวชนฯ จะมีกองเหล็กเส้นที่ใช้งานแล้ว และมีชิ้นส่วนตรงอาคารที่ย้ายเก็บไปจากตัวอาคาร สตง. ไปอยู่อีก 2-3 ชิ้นส่วน จะขอเก็บเหล็กเส้น และคอนกรีตเพิ่มเติมจากชิ้นส่วนตรงนั้นด้วย

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.