แม่บุกช่วย ‘ลูกสาว’ วัย 16 ร้องถูกพ่อแท้ๆ ชาวต่างชาติลวนลาม ผวาติด GPS ในมือถือ
GH News May 14, 2025 10:00 AM

แม่บุกช่วย ‘ลูกสาว’ วัย 16 ร้องถูกพ่อแท้ๆ ชาวต่างชาติลวนลาม ผวาติด GPS ในมือถือ

เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 13 พฤษภาคม นายเพชรสยาม เจนหัตถ์นามเสนา หรือครูตะวัน เพื่อเด็กกำพร้า ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก น.ส.สวย (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาวอุดราธานี ว่า นายคาร์ล (นามสมมติ) อายุ 43 ปี อดีตสามีชาวสวีเดน มาเยี่ยม น้องเอ็ม (นามสมมติ) ลูกสาววัย 16 ปี แต่มีท่าทีคุกคาม ลวนลาม ชอบแตะเนื้อต้องตัว และจับก้น ลูกสาวส่งข้อความมาหาตน ขอให้มารับกลับไปอยู่บ้าน ซึ่งจะต้องไปรับที่บ้านเพื่อนสามี จึงขอความช่วยเหลือให้พาไปรับลูก ซึ่งครูตะวันได้ประสาน ร.ต.อ.ธนวัฒน์ สรวงศิริ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังไปรับลูกสาวกลับบ้าน

โดย น.ส.สวย เล่าว่า เมื่อปี 2551 ตนอายุ 13 ปี ได้พบกับนายคาร์ล ชาวสวีเดน อายุ 27 ปี ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และได้อยู่กินฉันสามีภรรยา จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ชื่อ น้องเอ็ม ต่อมาตนรู้ว่านายคาร์ลมีภรรยาที่สวีเดนแล้ว เพราะภรรยาชาวสวีเดนได้แจ้งตำรวจจับนายคาร์ล ข้อหาพรากผู้เยาว์ ตนจึงแยกทางกับนายคาร์ล เมื่อปี 2552 ซึ่งนายคาร์ลได้กลับสวีเดนและติดคุก 2 ปี ตนเลี้ยงลูกมาตามลำพัง หลังพ้นโทษนายคาร์ลก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ จ.ระยอง และติดต่อมาและได้ส่งเสียเลี้ยงดู น้องเอ็ม และมาหาลูกตอนยังเด็ก บางครั้งก็ให้ลูกเดินทางไปหาที่บ้าน จ.ระยอง ซึ่งก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ

กระทั่งเดือนเมษายน 2568 นายคาร์ล ได้มาขอดูแลน้องเอ็ม ส่งลูกเรียนหนังสือ เพื่อทดแทนสิ่งที่ลูกขาดไป โดยให้ลูกเข้ามาอยู่บ้านเพื่อนนายคาร์ลที่ตัวเมืองอุดรธานี และไปสมัครเรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี ตนเห็นแก่อนาคตของลูก จึงให้ลูกมาเรียน ซึ่งวันนี้นายคาร์ลมาอุดรธานี และพักอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี เพื่อนนายคาร์ลก็ได้พาลูกไปหาพ่อที่โรงแรม กระทั่งเย็นวันนี้ลูก ได้ส่งข้อความมาว่า ไม่อยากอยู่กับพ่อ เพราะพ่อเอามือถือไปติดตั้งแอปพลิเคชั่น ที่สามารถติดตาม GPS ของมือถือได้ และสามารถตรวจสอบว่าคุยกับใคร ใช้งานอะไร ไม่เหมือนพ่อหวงลูก แต่เหมือนแฟนหวงแฟนมากกว่า

“ที่ตนเป็นห่วงที่สุดคือ พฤติกรรมของอดีตสามี เพราะที่ผ่านมาอดีตสามีมีพฤติกรรมชอบเด็กผู้หญิง ที่เป็นเยาวชน ขณะที่ลูกยังเด็ก เคยพาไปหาพ่อ ก็จะมีพฤติกรรมลูบคลำ ดูดหู ไซ้ซอกคอ เกรงว่าเรื่องไม่ดีจะเกิดกับลูก จนมาวันนี้ลูกได้ส่งข้อความมาบอกว่า ตอนอยู่ในโรงแรม พ่อมีท่าทางคุกคามทางเพศ จับก้น ลูบขา แต่ตอนนี้ได้ออกมาจากโรงแรม กลับมาบ้านเพื่อนพ่อ โดยอ้างว่าจะมาเตรียมตัวไปโรงเรียน จึงอยากให้แม่มารับกลับไปอยู่กับแม่”

จากนั้นตำรวจได้พา น.ส.สวย ไปรับ น้องเอ็ม ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.หนองขอนกว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของ นางพลอย (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ซึ่งตกใจที่เห็นตำรวจกับสื่อมวลชนมา ตำรวจได้แจ้งว่า น.ส.สวย มารับ น้องเอ็ม กลับไปอยู่บ้านกับแม่ ซึ่งนางพลอยก็ได้มีการโต้เถียงกับ น.ส.สวย เล็กน้อย แต่ก็ได้อนุญาตให้น้องเอ็ม เก็บเสื้อผ้าและสิ่งของกลับบ้านไปกับแม่ ซึ่งตำรวจได้แจ้งแก่นางพลอยว่า น.ส.สวยจะไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จึงอยากให้นางพลอยไปที่โรงพัก เพื่อยืนยันว่าไม่ได้กักขังและบังคับให้มาอยู่ แต่สมัครใจมาอยู่เอง

เมื่อมาถึงโรงพัก น้องเอ็ม เล่าว่า ตั้งแต่เป็นเด็กจำความได้ว่า ตอนไปที่อยู่กับพ่อที่เกาะสมุย ก็ถูกพ่อลวนลาม ด้วยการดูดติ่งหู และพูดข้างหูคล้ายกับไซ้ซอกคอ จนกระทั่งเริ่มโตเป็นสาว พ่อย้ายมาอยู่ จ.ระยอง ก็จะไปอยู่กับพ่อบ้างประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยจะมีข้อตกลงว่าถ้าตนไปหาพ่อจะซื้อแท็บเล็ต มือถือ หรือจัดฟันให้ เมื่อตนหาพ่อก็ซื้อให้จริง ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อน ตนก็จะใส่กางเกงขาสั้น พ่อมักจะพยายามเข้ามาสัมผัส จับและลูบขา พร้อมกับพูดว่า “สวยจังเลย” โดยมีช่วงนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์พ่อ ซึ่งพ่อให้ตนกอดเอวแล้วพ่อก็เอามือมาลูบต้นขา ตนก็เอามือปัดออก ตนไม่ชอบพฤติกรรมของพ่อเลย

น้องเอ็ม เล่าต่อว่า จนต้นปีนี้พ่อบอกว่าจะให้ตนมาเรียนที่ตัวเมืองอุดรธานี และอาศัยอยู่บ้านป้าพลอย ระหว่างอยู่ที่บ้านกับป้าพลอย ก็จะบอกว่าให้ตนอยู่กับพ่อเพราะจะมีอนาคตที่ดีกว่าอยู่กับแม่ และป้าพลอยชอบให้ตนไปอยู่กับพ่อที่โรงแรมสองต่อสอง วันนี้ตนกลับจากโรงเรียน พ่อให้เอากระเป๋าและสัมภาระไปเก็บไว้ในโรงแรม ตนก็เข้าไปพ่อก็ล็อคห้อง ตนก้มวางกระเป๋าพ่อได้มาจับก้น หลังจากนั้นก็รู้สึกกลัว และส่งข้อความหาแม่ และออกมาโรงแรมโดยนั่งวิน จยย.กลับมาบ้านป้าพลอย ขอยืนยันว่าจะกลับไปอยู่กับแม่ ไม่อยู่บ้านป้าพลอยแล้ว เพราะกลัวพฤติกรรมของพ่อ อยากจะบอกพ่อว่า “ให้ไปไกลๆ ไม่ต้องมายุ่งกับหนูอีก”

ทางด้าน นายเพชรสยาม เจนหัตถ์นามเสนา หรือครูตะวัน เล่าว่า ไม่เคยรู้จักครอบครัวนี้มาก่อน แต่ได้รับการร้องเรียนมาจากเครือข่ายที่รู้จักกันว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนจึงตรวจสอบว่าเป็นความจริงหรือไม่ เมื่อสอบถามแล้วว่าเป็นความจริง จึงเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากแม่ของเด็กอยู่ต่างอำเภอ จึงเข้ามาประสานหน่วยงานราชการเข้ามาสนับสนุน จากการสอบถามเด็กก็ทราบว่ามีการคุกคามทางเพศจริง เบื้องต้นได้แนะนำให้แม่และเด็กลงบันทึกประจำวันที่โรงพัก หากประสงค์จะดำเนินคดีก็ค่อยว่ากันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ต้องเด็กออกมาก่อน เชื่อว่าป้าพลอยจะมีผลประโยชน์กับเด็กคนนี้ เงินที่พ่อให้มาจะผ่านผู้หญิงคนนี้ตลอด ต่อไปจะได้ประสานโรงเรียนใกล้บ้าน ให้เด็กได้เรียนต่อ

จากนั้น น.ส.สวย ได้พาน้องเอ็มเข้าไปลงบันทึกประจำวันกับ พ.ต.ต.ธีระภาพ ภูขันซ้าย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ขณะเดียวกัน ป้าพลอยได้พานายคาร์ล มาที่โรงพักเพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใต ตำรวจจึงให้นั่งรับรอง ซึ่งนายคาร์ลได้นั่งมองอดีตภรรยาและลูกสาวลงบันทึกประจำวัน เสร็จแล้ว น.ส.สวยได้น้องเอ็มเดินออกมาเพื่อกลับบ้าน นายคาร์ลได้เดินเข้าไปหา แต่น้องเอ็มได้แสดงอาการหวาดกลัว และเดินออกห่างพ่อ นายคาร์ลจึงเดินไปหา น.ส.สวย ขอพูดคุยด้วย แต่ น.ส.สวยก็ไม่พูดด้วย ได้พาน้องเอ็มขึ้นรถกลับบ้านทันที

ต่อมา ป้าพลอย ได้พานายคาร์ลเข้าไปลงบันทึกประจำวันกับ พ.ต.ต.ธีระภาพ ภูขันซ้าย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อยืนยันว่าไม่ได้กระทำอนาจารหรือล่วงละเมิดทางเพศลูกสาว เสร็จแล้วนางพลอย ได้ออกมาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อต้นปี 68 น้องเอ็มได้ติดต่อมาผ่านทางลูกสาวของตนว่า ให้ติดต่อพ่อว่าอยากจะเรียนหนังสือในเมืองอุดรธานี เพราะแม่ไม่มีกำลังส่งลูก ตนก็ติดต่อนายคาร์ลให้ และน้องเอ็มได้มาอยู่ที่บ้านของตน นายคาร์ลก็จะไปมาระหว่างระยองกับอุดรธานี ขอยืนยันว่าช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะตนคบหากับคาร์ลเป็นเพื่อน แต่ทุกคนเตือนแล้วว่าช่วยเหลือครอบครัวนี้ จะมีปัญหา

“ที่เขากล่าวหาว่าพ่อคุกคามทางเพศลูกสาว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะสองพ่อลูกไม่เคยอยู่ด้วยกัน ที่ผ่านมาน้องเอ็มจะเป็นคนบอกว่า ให้โกหกพ่อว่าอยู่บ้านตน แต่น้องเอ็มจะกลับไปอยู่บ้านแม่ที่ต่างอำเภอ ซึ่งก่อนหน้านั้นตนเคยคุยกับ น.ส.สวยว่าอยากจะหลอกเอาเงินของอดีตสามี ตนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องโกหก น.ส.สวยไม่พูดความจริง เพราะครอบครัวนี้มีเรื่องแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง เขาต้องการเอาเงินจากอดีตสามี อยากให้พูดความจริง อดีตสามีต้องการดูแลลูกสาว ให้มีอนาคตที่ดีเท่านั้น ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพื่อต้องการเงินและแบล๊กเมลอดีตสามี ถ้าใครไม่พูดความจริง ก็ขอให้ฉิบหาย ล่มจม”

ส่วน นายคาร์ล ให้สัมภาษณ์ ผ่านล่ามว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าอดีตภรรยาทำทุกอย่างเพื่อเงิน สิ่งที่ตนทำให้ลูกสาว เพื่อให้มีอนาคตที่ดี อยากให้เรียนหนังสือในอุดรธานี ที่อดีตภรรยากล่าวหาว่า ตนคุกคามทางเพศลูกสาว ตนไม่เคยทำ ไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนรักลูกสาวมาก อยากจะดูแลเขาให้เติบโตเท่านั้น ลูกสาวเข้าไปในห้องตนเพียง 30 วินาที ไปเอากระเป๋านักเรียนเท่านั้น นายคาร์ล เล่าทั้งน้ำตาซึม

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.