‘อาม ชุติมา’ พลิกชีวิต จากไมค์สู่มง เวอร์ชั่นนางงาม ที่สู้ด้วยพลังในตัวเอง
จากนักร้องลูกทุ่งเพลงฮิต 100 ล้านวิว สู่นางงามที่มีมงกุฎเป็นของตัวเอง สำหรับ อาม ชุติมา โสดาภักดิ์ มิสแกรนด์แพร่ และรองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 แม้เธอจะเป็นนางงามไซซ์เล็ก ไม่ตรงตามมาตรฐานเวทีนางงาม แต่เธอก็ทำให้เห็นแล้วว่าจริงๆ แล้วเธอคือเล็กพริกขี้หนู ที่มีความสามารถมากมาย และมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงกับการมาประกวดในครั้งนี้ จนเธอสามารถเอาชนะใจแฟนๆ นางงามได้สำเร็จ ซึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากที่เธอมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนางงามมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะฉะนั้นแม้มันจะยาก แต่เธอก็สนุก และถือว่าได้ทำตามความฝันของตัวเอง
“เราก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องยากแน่ๆ เพราะถ้าเราไม่ได้เก่งเลย มันต้องฝึกเริ่มจากศูนย์ เริ่มจากเดิน เริ่มจากยืน ทุกอย่างมีสเต็ปหมด ถ้าคิดว่ายากก็ยาก แต่ถ้าคิดว่าเราชอบ เราสนุก มันจะง่าย”
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่เส้นทางนางงามก็ต้องมีการปรับตัว เรียนรู้ ทำความเข้าใจกับบริบทนางงาม
“เราเป็นนักร้องที่ค่อนข้างจะมีงานตลอดเวลา แต่เราต้องมาปรับตัวตรงที่ว่า เราต้องไม่รับงาน เพราะเราต้องมาอยู่ตรงนี้ ต้องมาเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับบริบทนี้ แล้วช่วงเข้ากองก็จะงดรับงาน มันก็ปรับตัวอยู่ เหมือนเด็กนักเรียนที่ย้ายโรงเรียน หรือรุ่นน้องที่เข้าปี 1 ใหม่”
ซึ่งการงดรับงานร้องเพลงในช่วงการเข้ากองประกวดนั้น ทำให้หลายคนกังวลว่าจะมีผลกระทบกับเพื่อนในวงหรือไม่ ทั้งนี้ อามได้เผยว่า
“ด้วยความที่เราเป็นศิลปินอิสระ เราก็จะมีวงที่สามารถรับงานฟรีแลนซ์ได้ ทั้งนี้ วงก็เหมือนอิสระเช่นเดียวกัน โดยปกติถ้าเรามีงานด้วยกันเต็มเดือน วงก็จะไปด้วย แต่ถ้าวันไหนเราว่าง นักดนตรีสามารถรับงานได้ รับงานที่ร้านได้ เล่นให้กับศิลปินคนอื่นได้ นักร้องทุกวันนี้มีเยอะ แต่กว่าจะเป็นวงหนึ่งวงได้มันก็ใช้คนเยอะ มันก็หายาก”
ซึ่งอามยืนยันว่าไม่มีปัญหาในเรื่องนี้แน่นอน เพราะเส้นทางนางงามต้องเริ่มต้นด้วยการประกวด ฉะนั้นการมีคู่แข่งเยอะก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของวงการนี้ แต่กระนั้นอามกลับคิดในแง่บวกว่า ไม่เคยคิดว่าใครเป็นคู่แข่งของเธอ เพราะเธอแค่มาแข่งกับตัวเองเท่านั้น
“สำหรับตัวหนู หนูเป็นคนที่ไม่ได้คิดลบ หนูเป็นคนคิดบวกค่อนข้างมาก ถ้าจะให้พูดก็คือ หนูเป็นคนมโนเก่ง เป็นคนที่เพ้อฝัน ทะเยอทะยาน หนูไม่ได้คิดว่าใครเป็นคู่แข่ง เพื่อนๆ ก็คือเป็นสายนางงาม นางงามเดินสายมีแต่แข็งๆ ทั้งนั้น ก็เลยไม่ได้คิดว่าฉันต้องมาแข่งกับเธอ เธอคือคู่แข่งฉัน เพราะว่าเราไม่เหมือน เรียกว่าไม่เหมือนใครด้วย เราแค่แข่งกับตัวเอง แล้วตัวเองรู้สึกว่าฉันทำดีแค่นั้นจบ”
“ก่อนที่จะเข้ากองเลยก็มีการไปเรียนเดิน เรียนปรับทัศนคติ เรียนปรับเรื่องมายด์เซตทุกอย่าง การที่จะตอบคำถามออกไปได้ ถ้าสมองเราคิดบวกมันก็จะบวกทุกอย่าง”
ซึ่งกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้เธอก็ฝ่าฟันดราม่าจากคนกลุ่มกลุ่มหนึ่ง ที่ปรามาสว่าเธอไม่เหมาะสมกับการเป็นนางงาม แต่สุดท้ายเธอก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอทำได้ และทำได้ดีอีกด้วย จนหลายคนเห็นถึงความตั้งใจตรงนี้ของเธอ
“ดีใจที่อย่างน้อยๆ คนก็เห็นว่าเราตั้งใจจริงๆ เราไม่ได้มาเล่นๆ อย่างเข้ากองก็จะมีคอมเมนต์ มาหาแสงหรือเปล่า มาเล่นๆ หรือเปล่า ไม่จริงจังหรอกมั้ง ก็อย่างที่เห็นว่าเราตั้งใจจริงๆ แล้วก็คอมเมนต์ทุกวันนี้ก็ทำให้เราชื่นใจมากๆ ทำให้เรารู้สึกใจฟู รู้สึกว่าเราทำเต็มที่แล้วผลตอบแทนก็คือเป็นคำชมต่างๆ ทุกคนเอ็นดูเรา เพราะว่าเราตั้งใจทำมากจริงๆ”
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ เอ็นดูเธอได้ขนาดนี้ ก็เพราะเอ็นเนอร์จี้ที่ล้นเหลือและความน่ารักของเธอ
“จริงๆ เราไม่ได้เป็นคนที่เรียบร้อยอยู่แล้ว แค่บางทีเราไม่ชินอะไร เราก็จะนิ่งไว้ก่อน ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เราตื่นเต้น เราก็นิ่ง พอเข้ากองปุ๊บมันก็เริ่มชินแล้ว ยิ่งบอส (ณวัฒน์ อิสรไกรศีล) บอกว่าชอบให้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องกดดันตัวเอง เราก็เลยได้ทีก็ได้เป็นตัวของตัวเองเลย เลยดีดๆ อย่างที่ทุกคนเห็น”
กับการเข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ของบอสณวัฒน์นั้น อามได้เผยว่า
“บอสก็ให้อะไรหลายๆ อย่าง ทั้งค่าตัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งชีวิตตั้งแต่เป็นนักร้องมาก็ยังไม่เคยค่าตัวเท่านี้ ให้ทั้งคำตอบทุกอย่างที่เรามีในหัว คำถามทุกอย่างที่เราถามบอส และบอสก็จะบอกให้เราได้เข้าใจหลายๆ อย่างมาก”
เมื่อถามว่าบอสดุไหม “บอสไม่เคยดุนะ แต่ว่าเราจะมีความเกรงใจตลอด ถ้าบอสเรียกชื่อก็จะมีเอ็นเนอร์จี้เพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าบอสเรียกก็คือวิ่งไปหาเลย”
แม้เธอจะมีงานเข้ามาเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาพักผ่อน แต่เธอก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพอยู่เสมอ
“หากเราคิดในแง่บวก คือ นอนน้อย แต่เรากินอาหารที่มีประโยชน์ บำรุงผิว บำรุงหน้า และกินอาหารเสริม เรามีตรงนี้มาทดแทนในเรื่องของการพักผ่อนน้อย แม้เราทำงานเยอะ ง่วงปุ๊บเราจะหลับปั๊บในทันที แต่งหน้าก็งีบ ขึ้นรถก็งีบ หรือแม้แต่ตอนทานข้าวที่เรากำลังเคี้ยวอยู่ด้วยซ้ำ ง่วงก็หลับ พอหลับก็หลับเลย แต่อามก็สามารถบูสต์ขึ้นมาได้เรื่อยๆ”
“ก็เพิ่งเข้าใจจริงๆ ว่ามันอาจจะวิ่งงานเหมือนกัน แต่มันพักผ่อนไม่เหมือนกัน เพราะการเป็นนักร้อง เรารับงานเองทุกอย่าง เราก็สามารถคำนวณได้ หรืออันไหนที่มันเยอะเกินไป หรือว่ามันหนักเกิน เราก็สามารถที่จะเลือกรับได้ แต่พอเรามาทำงานกับองค์กร มีทีมงานที่ต้องดูแล เราอยู่กับคนส่วนมาก ถ้าคนอื่นไหว เราไม่ไหวไม่ได้ เราต้องไหว เพราะเราทำงานเป็นทีม”
นี่แหละ “อาม ชุติมา” เวอร์ชั่นนางงาม