‘ช่อ-ลูกเกด’ รับปาก เสียบุ้งไม่สูญเปล่า อ่านจม. ‘อานนท์’ -‘มานี’ เขียนไปร้องให้ไป
GH News May 15, 2025 10:22 AM

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงาน “บุ้ง เนติพร” วันที่เธอหายไป Remembering Her, Remember Us‘ รำลึกและยืนหยัดเจตนารมณ์สุดท้าย ครบรอบ 1 ปีการจากไปของบุ้ง เนติพร อิสรภาพที่ไม่ได้รับจากกระบวนการยุติธรรม

โดยตั้งแต่เวลา 09.00 น. มีนักกิจกรรมทางการเมือง ตลอดจนตัวแทนภาคประชาสังคม และบุคคลสำคัญ ทยอยเดินทางมาร่วมทำบุญรำลึก แม้ในช่วงเช้าจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ อาทิ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. ธงชัย วินิจจะกูล, ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์, นายประกิต กอบกิจวัฒนา หรือ แมว ผู้คร่ำหวอดในแวดวงโฆษณา, นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยาของสุรชัย แซ่ด่าน ผู้ถูกอุ้มหาย, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน เป็นต้น

ซึ่งภายในงานมีการฉายสารคดี “Hungry for Freedom” กำกับโดย รัชตะ ทองรวย เข้าชิงรางวัลสารคดี GRIERSON AWARDS 2024 รวมถึงนิทรรศการ “เรื่องราวของบุ้ง เนติพร” โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ร่วมกับ พิพิธภัณฑ์สามัญชน ซึ่งเป็นภาพถ่าย น.ส.เนติพรขณะที่ยังเป็นเด็ก ไล่เรียงไปจนถึงภาพขณะเคลื่อนไหวทางการเมือง ชุดสุดท้ายที่ใส่ก่อนถูกคุมขัง จากการถูกถอนประกันตัว คดีละเมิดอำนาจศาล (26 ม.ค.67) กระทั่งเสียชีวิตจากการอดอาหารประท้วง ซึ่งตลอดชีวิตของบุ้ง ต้องเข้าเรือนจำและอาหาร 2 ครั้ง ครั้งแรกถูกขัง 94 วัน ส่วนครั้งที่สอง 110 วัน ‘ไม่มีโอกาสได้ลมหายใจออกมา’ รวมไปถึงโพลที่ใช้ในการทำกิจกรรมสำรวจความคิดเห็น ปณิธานสุดท้ายของ “บุ้ง เนติพร” เรียกร้องไม่คุมขังคนเห็นต่างทางการเมือง สู่ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมประชาชน เป็นต้น

น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย

บรรยากาศเวลา 11.10 น. เข้าสู่ช่วง ‘อ่านจดหมาย & ความทรงจำถึงบุ้ง’ โดย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว THE REPORTERS, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน และ น.ส.อันนา อันนานนท์ นักกิจกรรมทางการเมือง

โดยเริ่มจากจดหมายของ น.ส.ฐปณีย์ ในรูปแบบวิดีโอ ความว่า ถึงบุ้ง – จากพี่แยม ไม่ต้องเสียใจนะที่ 1 ปีผ่านไป ยังไม่มีความยุติธรรมให้กับบุ้ง เพราะไม่มีความยุติธรรมใดๆ เกิดขึ้น ไม่มีความยุติธรรมที่ตากใบ ไม่มีความยุติธรรมให้อานนท์ ไม่มีความยุติธรรมให้ประชาชน ไม่มีความยุติธรรมให้ประชาธิปไตย อดทนรอและสู้กันต่อไป

น.ส.พรรณิการ์ วานิช

ต่อด้วย จดหมายจาก น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญสันติภาพชายแดนภาคใต้ฯ ร่วมส่งจดหมายในรูปแบบวิดีโอ มีเนื้อหาความว่า 1 ปีแล้วที่บุ้งไม่ได้อยู่กับเรา การต่อสู้ที่ทุกคนบอกว่า ซบเซา ไม่มีความหมาย ดูจาก 48 คนที่ยังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งถ้าดูทุกอย่างรวมๆ กัน มันน่าท้อแท้จริงๆ แต่พี่ไม่หมดหวัง เชื่อว่านักกิจกรรมหลายๆ คนรู้ว่าเรายังเดินอยู่ในเขาวงกต แต่อย่างน้อยเรายังเดินอยู่

“การเรียกร้องให้นิรโทษกรรมประชาชน ยังไม่หยุดลง แต่เรายังยืนหยัดว่า ต้องนิรโทษกรรม ต้องประกันตัว อย่างน้อยที่สุด วันนี้เราจะไม่หยุดพูด ว่าเสรีภาพการแสดงความเห็น เสรีภาพทางวิชาการ ตราบใดที่เราไม่หยุดเดิน ไม่หยุดสู้ ทุกการตาย การต่อสู้ที่ผ่านมา ไม่มีสูญเปล่า ประชาชนจำนวนมากจะเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นเรื่องสำคัญ เราจะไม่ให้การตายของบุ้งเสียเปล่า เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว

จากนั้น น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกด ส.ส.พรรคประชาชน อ่านจดหมายที่มีเนื้อหาความว่า ไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องได้เขียนจดหมายฉบับนี้ ความเจ็บปวดและคำถาม ยังคงวนเวียนในใจของใครหลายๆ คน แม้วันนี้ บุ้งจะไม่ได้อยู่กับเรา 1 ปี แต่ภาพของเธอยังชัดเจน

“แม้ในวันที่โลกจะโหดร้ายกับเธอ เธอได้ใช้ เสรีภาพ เพื่อส่งเสียงแทนผู้ที่ไร้เสียง แทนผู้ที่ถูกระบบกฎหมายบิดเบือน ความอยุติธรรมที่เผชิญ สะท้อนถึงปัญหาของสังคมไทย และความเงียบงัน

“บุ้ง พี่อยากให้เธอรู้ว่า แม้วันนี้หลายสิ่งจะไม่เป็นอย่างที่เราฝันไว้ แต่เรายังเดินหน้าต่อ บางครั้งก็ด้วยความหวาดกลัว ความเหน็ดเหนื่อย แต่ไม่หยุดเดิน เพราะความฝันของเธอได้กลายเป็นความฝันของพวกเราไปแล้ว

ในฐานะผู้แทนราษฎร จะทำงานให้ถึงที่สุด คิดถึงเสมอ” น.ส.ชลธิชากล่าว

จากนั้น น.ส.ชลธิชา อ่านจดหมายอีกหลายฉบับ อาทิ จดหมายจาก นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด อดีตประธานกรรมการมูลนิธิกระจกเงา สะท้อนถึงคุณค่าของลมหายใจของบุ้ง ที่อุทิศเพื่อหาคำตอบจากสิ่งที่กดทับ จนนำมาสู่ลมหายใจที่หยุดไปตลอดกาล แต่เป็นการส่งคำถามถึงสังคม ว่าสิ่งใดคือ เสรีภาพ และความเป็นธรรม

รวมถึงจดหมายจาก ‘มานี’ ผู้ต้องหา ม.112 ซึ่งส่งออกมาจากเรือนจำ น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า จากการเข้าเยี่ยมล่าสุด สะท้อนอาการแพนิก แต่ยังคงยืนกรานว่าจะไม่รับการรักษา รวมถึงการจ่ายยาซึมเศร้าจากราชทัณฑ์ เนื่องจากไม่วางใจในมาตรฐานการรักษาจากกรณีของบุ้ง โดยเมื่อทราบข่าวการจัดงานนี้จากพี่สาวของบุ้ง มานีเล่าพร้อมน้ำตา ว่าเป็นการเขียนจดหมายที่ยากที่สุด เจ้าหน้าที่ตีกลับ เพราะได้ตั้งคำถามถึงสาเหตุการจากไปของบุ้ง โดยมีหลายความรู้สึก ไม่สามารถเขียนความทรงจำออกมาได้ เขียนไป ลบไป ร้องให้ไป จนมานีต้องให้คนที่นอนข้างๆ มาช่วยเขียนให้

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของข้อความที่ ‘มานี’ ฝากออกมา ในวาระครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิตของบุ้ง สะท้อนว่า บุ้งเป็นคนที่ห่วงน้องๆ จริง การออกมาเรียกร้องเพื่อบุ้งจนถูกคุมขังนั้น ไม่เคยเสียใจที่ทำลงไป การต่อสู้ของบุ้งที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้ยังอยู่ได้ทุกวันนี้
จดหมายของมานีระบุด้วยว่า
“บุ้งไม่ได้จากไปสูญเปล่า ทุกคนยังจดจำ แต่สิ่งเดียวที่ยังเสียใจก็คงมีแต่ความอยุติธรรมที่บุ้งได้รับ
น่าเสียดายที่เด็กคนหนึ่งต้องจากไป ความเสียใจนี้ไม่เคยลบหายไปจากความทรงจำของพี่ได้เลย”

จากนั้น น.ส. ชลธิชา อ่านจดหมายของ อานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ส่งออกมาจากในเรือนจำ ซึ่งปัจจุบันมีโทษรวมกว่า 20 ปี
ความตอนหนึ่งว่า

” พรุ่งนี้จะครบรอบ 1 ปี การจากไปของเธอ คืนฝนโปรยเช่นนี้ยิ่งทำให้คิดถึง ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งกระจ่างในหัวใจ ยังคงจำแววตาสุดท้ายในห้องพิจารณาคดีมาตรา 112 ที่เธอมาเยี่ยมฉันได้

เธอคุกเข่าแล้วพูดอย่างอ่อนน้อม อ่อนน้อมแต่หนักแน่น หนักแน่นและอ่อนโยน มีเพียงเธอที่กล่าวมีเพียงฉันที่ฟัง ดูแลตัวเองให้ดี จะทำทุกทางให้ทุกคนได้มีอิสรภาพ”

อาจบางที มนุษย์เราเกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่างแล้วจากไปอย่างเงียบๆ เหมือนหนอนบุ้งที่กลายเป็นผีเสื้อ ไร้การจดจำ เหมือนที่เราไม่ได้จดจำได้ว่าผีเสื้อตัวสุดท้ายที่เราเคยเจอคือสีอะไร และเจอมันที่ไหน หากแต่เรายังจำเธอได้

‘การคิดถึงเธอเป็นความสุขอย่างยิ่งไม่ใช่ความโศกเศร้า ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจไม่ใช่ว่าฉันกำลังจะสบาย ….แต่ที่ฉันมีความสุขเพราะฉันได้เห็นถึงฝันอันงดงามของเธอ ได้สุดใจอิ่มเอมใจและเป็นเกียรติที่ฉันกำลังมีส่วนทำให้ฝันของเธอได้เป็นจริง’

ก่อนต่อด้วย น.ส.อันนา กลุ่มนักเรียนเลว ที่อ่านจดหมายของตน และจดหมายจากเพื่อนผู้ต้องหาการเมือง ที่อยู่ในเรือนจำ ส่งออกมาร่วมรำลึก

ด้าน นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ส่งคลิปวิดีโอร่วมรำลึก มีใจความว่า ส่วนตัวนับถือคนอย่างบุ้ง และเอาใจช่วยตลอดเวลา

“ผมนับถือคนอย่างบุ้ง มันต้องมีคนอย่างนี้ การจัดงานให้เขา ผมเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ ถ้าอายุอ่อนกว่านี้ แข็งแรงกว่านี้จะมาร่วมงานตลอด แต่ตอนนี้ผมอายุ 93 แล้วตอนนี้ก็ไม่ค่อยดี แต่อยากให้รู้ว่าผมเอาใจช่วย แล้วก็หวังว่าพวกเราทุกคน จะรวมพลังกัน ช่วยกันสู้ โดยสันติประชาธรรม ผมเชื่อว่า ความเลวร้ายของรัฐบาลเผด็จการจะพินาศไป ขอย้ำ ว่าผมเอาใจช่วยตลอดเวลา” นายสุลักษณ์กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.