เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(ผบช.ทท.) เปิดเผยว่าภายใต้นโยบายของรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว,นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา มุ่งเสริมสร้างความปลอดภัยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. จึงลงนามจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทท.ตร.) หรือ Tourist Safety Operation Center : TSOC ตามที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) เสนอ โดยมีการผนึกกำลังจาก บช.น. ภูธร 1-9 ร่วมเพิ่มวงรอบการออกตรวจในแหล่งที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้สถิติคดีอาญาที่เกิดกับนักท่องเที่ยวโดยผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติในห่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.68 เมื่อเปรียบเทียบกับห่วงเวลาเดียวกันของปี 67 จำนวนคดีลดลงกว่า 12.58 %
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา กล่าวว่าในส่วนของมาตรการเชิงรุก บช.ทท. นำระบบ Social Listening มาปรับใช้โดยการเฝ้าฟังข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ เช่น โดยเมื่อเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยวและปรากฎใน Social Media ตำรวจท่องเที่ยวก็สามารถเข้าให้ความช่วยเหลือแก้ไขโดยบูรณาการกำลังกับทุกภาคส่วนได้อย่างทันท่วงที หรือเมื่อเกิดข่าวเท็จในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหรือข่าวที่ไม่เป็นความจริง ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดการเข้าใจข้อมูลที่ผิด บช.ทท.ก็จะทำการสืบค้นและประชาสัมพันธ์ข่าวที่ถูกต้อง เสนอต่อนักท่องเที่ยวใน Social Media ต่อไป
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา กล่าวอีกว่า บช.ทท. จึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมเพิ่มศักยภาพในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลนักท่องเที่ยว โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ มาให้ความรู้และความเข้าใจในการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ AI ในงานตำรวจท่องเที่ยว ที่สำคัญคือการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีระบบ AI มาใช้ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว โดยติดตั้งกล้อง AI ซึ่งสามารถจับภาพใบหน้าบุคคลและเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลหมายจับของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หากพบว่าตรงกัน ระบบจะแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อดำเนินการจับกุม ตั้งแต่เริ่มใช้งานกลางเดือนกรกฎาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับในแหล่งท่องเที่ยว ได้กว่า 170 ราย
ผบช.ทท. กล่าวว่านอกจากนี้ ระบบสามารถคัดกรองบุคคลเสี่ยงในวงจรการท่องเที่ยว และช่วยเหลือบุคคลหรือเด็กที่พลัดหลงในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวได้อีกด้วยในอนาคตอันใกล้ บช.ทท. จะมีรถปฏิบัติการ 10 คัน ไปจอดในแหล่งท่องเที่ยวและการจัดงานเทศกาลสำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีคุณลักษณะสำคัญ ได้แก่
1. มีกล้อง AI ติดตั้งบริเวณด้านหน้าและหลังรถ รวมถึงกล้องเคลื่อนที่ที่สามารถนำไปจอดยังจุดผ่าน
เข้าออกของแหล่งท่องเที่ยว เพื่อใช้ตรวจสอบบุคคลตามหมายจับและบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงบุคคล
หรือเด็กที่พลัดหลง
2. เมื่อมีการกดปุ่มSOS บนแอพพลิเคชั่น Thailand Tourist Police ระบบจะแสดงข้อมูลบน
หน้าจอภายในรถปฏิบัติการ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สายตรวจสามารถออกให้ความช่วยเหลือได้ทันที3. มีหน้าจอประชาสัมพันธ์สิ่งที่ควรและไม่ควรปฏิบัติ (DO & DON’T) ในพื้นที่การท่องเที่ยว เพื่อให้
ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว
4. ทำหน้าที่เป็นจุดรับแจ้งเหตุในแหล่งท่องเที่ยว สำคัญต่างๆ เช่น ถนนข้าวสาร กทม., ประตูท่าแพ
เชียงใหม่ , ซอยบางลา จว.ภูเก็ต และWalking street พัทยา เป็นต้น โดยจะส่งมอบรถในโครงการทั้งหมด
ภายในสิ้น เดือนพฤษภาคม 2568
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ( บช.ทท. ) มุ่งเน้นที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยย้ำภาพจำคติพจน์ “ตำรวจท่องเที่ยวคือเพื่อนคนแรกของคุณ” (Your First Friend)
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา กล่าวว่าบช.ทท.พร้อมรับนโยบายรัฐบาลระดมกวาดล้างอาชญากรรม10กลุ่มต้องห้าม ห้วง 15-22 พ.ค.จับกุมไกด์เถื่อน เน้นกลุ่ม ทัวร์ด้อยคุณภาพ , หลอกลวงขายสินค้าและบริการ , ยานพาหนะ การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ,อาชญากรรมข้ามชาติและลักลอบหลบหนีเข้าเมือง แย่งอาชีพคนไทย และความผิดอื่นๆ ที่มีผลการกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ