สศก.ชี้ สินค้าเกษตรไทย ได้ดุลอาเซี่ยน 2.29 แสนล้าน "ข้าว-น้ำแร่" ยังสดใส
ข่าวสด May 15, 2025 02:25 PM

สศก. ส่องทิศทางการค้า สินค้าเกษตรไทย ยังคงเติบโตได้ดีในตลาดอาเซียน และตลาดโลก ปี 67 เกินดุลอาเซี่ยน 229,687 ล้านบาท”ข้าว-น้ำตาล-น้ำแร่”ยังมีอนาคต

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรไทย (พิกัดศุลกากร 01-24 รวมยางธรรมชาติ)ในตลาดโลก รวมทั้ง มีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังสามารถรักษาตลาดส่งออกได้ สะท้อนจากมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรของไทย ปี 2567 มีจำนวน 2,528,839 ล้านบาท

จำแนกเป็น มูลค่าส่งออก 1,801,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137,822 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 หรือเพิ่มขึ้น 8.28% ขณะที่มีมูลค่านำเข้า 727,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,912 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.24% ทั้งนี้ ไทยมีมูลค่าการค้ากับอาเซียน 23% มากเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ จีน 21% สหรัฐอเมริกา 9% สหภาพยุโรป 9% และญี่ปุ่น 7%

สำหรับสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรของไทยในตลาดอาเซียน 9 ประเทศ (บรูไน อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว เมียนมา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และ เวียดนาม) ของปี 2567 ไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2566 ไทยยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับอาเซียน คิดเป็นมูลค่า 229,687 ล้านบาท

โดยมีมูลค่าส่งออก 410,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากปี 2566 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีมูลค่า 181,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.49% จากปี 2566

สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ ข้าว อาทิ ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ มูลค่า 46,065 ล้านบาท ,น้ำตาลที่ได้จากอ้อยหรือหัวบีตอื่นๆ อาทิ น้ำตาลทรายบริสุทธิ์ มูลค่า 38,211 ล้านบาท ,น้ำ รวมถึงน้ำแร่ และน้ำอัดลมที่เติมน้ำตาลหรือสารทำให้หวานอื่นๆ หรือที่ปรุงกลิ่นรส มูลค่า 27,577 ล้านบาทน้ำตาลดิบที่ได้จากอ้อยอื่นๆ มูลค่า 22,434 ล้านบาท และ เครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อาทิ นมยูเอสที นมถั่วเหลือง มูลค่า 19,022 ล้านบาท

สินค้าเกษตรนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มันสำปะหลังฝานหรือทำเป็นเพลเลต มูลค่า 21,622 ล้านบาท ,ข้าวโพด ไม่ใช้สำหรับเพาะปลูก มูลค่า 19,430 ล้านบาท , อาหารปรุงแต่งอื่นๆ อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม มูลค่า 18,764 ล้านบาท , เมล็ดกาแฟ (ไม่คั่ว) ไม่แยกคาเฟอีน มูลค่า 8,614 ล้านบาท

และ ผลไม้และลูกนัตอื่นๆ ที่ดิบหรือสุก โดยการนึ่งหรือต้ม แช่แข็ง หรือทำให้หวาน อาทิ สับปะรด ทุเรียน ลำไย มูลค่า 7,382 ล้านบาท

ตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย 3 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย มีมูลค่าการส่งออก 77,321 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.82% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในอาเซียน สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำยางธรรมชาติ / ชิ้นเนื้อและเครื่องในที่บริโภคได้ของไก่แช่แข็ง / อาหารสุนัขหรือแมว / ข้าว อาทิ ข้าวเจ้าขาวอื่น 5%ข้าวเจ้าขาว 25% ข้าวเจ้าขาวหอมมะลิไทย 100% / น้ำมันปาล์มดิบ ไม่ดัดแปลงทางเคมี

รองลงมา คือ อินโดนีเซีย มีมูลค่าการส่งออก 68,428 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.66% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในอาเซียน สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว อาทิ ข้าวเจ้าขาวอื่น 5% ข้าวเจ้าขาวหอมมะลิไทย 100% ข้าวเจ้าขาวหอมมะลิไทย 5% / น้ำตาลดิบที่ได้จากอ้อยอื่นๆ / สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง / ผลไม้สด อาทิ ลำไย มะขาม ลิ้นจี่ / อาหารสุนัขหรือแมว

อันดับสาม คือ กัมพูชา มีมูลค่าการส่งออก 62,826 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.29 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในอาเซียน สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำตาลที่ได้จากอ้อยหรือหัวบีตอื่นๆ อาทิ น้ำตาลทรายบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลละเอียด / เครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อาทิ นมยูเอสที เครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่อัดลม นมถั่วเหลือง เป็นต้น

น.ส.กาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตร และยางพาราธรรมชาติของไทยในตลาดอาเซียน ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2568 มีมูลค่าการค้าเท่ากับ 160,067 ล้านบาท จำแนกเป็น มูลค่าส่งออก 100,491 ล้านบาท มูลค่านำเข้า 59,576 ล้านบาท ไทยยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 40,915 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่

น้ำตาลดิบที่ได้จากอ้อยอื่นๆ มูลค่า 11,656 ล้านบาท , น้ำตาลที่ได้จากอ้อยหรือหัวบีตอื่นๆ อาทิ น้ำตาลทรายบริสุทธิ์ มูลค่า 9,910 ล้านบาท , น้ำ รวมถึงน้ำแร่และน้ำอัดลมที่เติมน้ำตาลหรือสารทำให้หวานอื่นๆ หรือที่ปรุงกลิ่นรส มูลค่า 6,355 ล้านบาท , เครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อาทิ นมยูเอสที นมถั่วเหลือง มูลค่า 4,785 ล้านบาท และ อาหารปรุงแต่งอื่นๆ อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม มูลค่า 4,309 ล้านบาท

และสินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) มันสำปะหลังฝานหรือทำเป็นเพลเลต มูลค่า 15,466 ล้านบาท (2) ข้าวโพด ไม่ใช้สำหรับเพาะปลูก มูลค่า 6,557 ล้านบาท (3) อาหารปรุงแต่งอื่นๆ อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม มูลค่า 4,683 ล้านบาท (4) สิ่งสกัด หัวเชื้อและสิ่งเข้มข้น อาทิ กาแฟสำเร็จรูป มูลค่า 2,744 ล้านบาท และ (5) มะพร้าวอื่นๆ อาทิ มะพร้าวอ่อน มูลค่า 2,230 ล้านบาท

ทั้งนี้ สศก. ยังได้ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น พบว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอาเซียนยังคงเป็นประเทศคู่ค้าหลักของไทย

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในอนาคต อาทิ การดำเนินนโยบาย Make America Great Again ของสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ รวมถึงไทย ทำให้สินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งของไทย อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย

นอกจากนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจทำให้ไทย มีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยเข้าไปครองส่วนแบ่งตลาดแทนที่จีน ในขณะเดียวกัน ต้องเฝ้าระวังสินค้าจากจีนที่อาจระบายมายังไทยมากขึ้น หรืออาจระบายไปตลาดอื่นที่เป็นคู่ค้าของไทย ส่งผลให้การแข่งขันกับสินค้าจีนในตลาดนั้นสูงขึ้น ทำให้ไทยอาจสูญเสียตลาดบางส่วนให้จีนได้

ดังนั้น ไทยจึงต้องรักษาและพัฒนามาตรฐานการผลิตสินค้า ในระดับสากล เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐอเมริกา ควบคุมการนำเข้าให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับด้านคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อป้องกันการลักลอบการนำเข้าสินค้ารวมถึงปรับกลยุทธ์ทางการค้าและการส่งออก โดยให้ความสำคัญกับการหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการ ตั้งกำแพงภาษีหรือการประกาศใช้นโยบายใหม่ๆ ของสหรัฐอเมริกา

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.