ผู้ต้องสงสัย อุ้มหายดีเจเตเต้ เครียดจัดฟาดกล้องนักข่าวเกือบพัง ตร.คุมตัวสอบเครียด พ่อเผยยังมีความหวังได้เจอลูก
จากกรณีที่ญาติประกาศตามหา นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี ที่ถูกกลุ่มบุคคลปริศนาขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มตัวขึ้นรถหายสาบสูญ เหตุเกิด เมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.53 น. วันที่ 14 พ.ค.2568 ภายในหมู่บ้านพฤกษากาญจน์ 5 ซอย 7 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 พ.ค.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ได้นำตัวนายกุน และนายธนเดช ซึ่งเป็น 2 ผู้ต้องสงสัย ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มตัวดีเจเตเต้ไปมาสอบปากคำอย่างละเอียด หลังทั้งสองคน ถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพสารเสพติด โดยนายกุนนั้น มีชื่อเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะคันที่ปรากฏในคลิปวันเกิดเหตุ
ส่วนนายธนเดช ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายกุนนั้น เป็นคนนำรถของนายกุนมาใช้ และเป็นผู้จ่ายค่างวดรถ โดยหลังจากสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนเป็นเวลานานหลายชั่วโมง นายธนเดชซึ่งมีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเข้าห้องน้ำ
หลังเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย ขณะกำลังเดินกลับเข้าในห้องสอบสวน สื่อมวลชนพยายามถามถึงความเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้น นายธนเดชได้เดินฝ่าวงล้อมผู้สื่อข่าวและใช้แขนปัดกล้องผู้สื่อข่าวจนเกือบตกลงพื้น ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวเข้าไปสงบสติอารมณ์ภายในห้องสอบสวน
ผู้ต้องสงสัย อุ้มหายดีเจเตเต้ เครียดจัดฟาดกล้องนักข่าวเกือบพัง ตร.คุมตัวสอบเครียด
ทั้งนี้ จากการสังเกต พบว่าที่บริเวณแขนขวาของนายธนเดช พบรอยฟัน คล้ายถูกกัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมีการประสานไปยังนายวิเชียร ซึ่งเป็นพ่อของดีเจเตเต้ ให้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บตัวอย่าง DNA ไปเปรียบเทียบ กับรอยกัดที่พบบนแขนของนายธนเดช ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ และอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีและนำไปสู่การเปิดโปงความจริงทั้งหมด
นายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ กล่าวว่า ที่เดินทางมาในวันนี้ เพราะตำรวจให้มารับรถของลูกชายที่ทำการตรวจเก็บหลักฐานเสร็จแล้ว พ่อของดีเจเตเต้ยอมรับว่า ตอนแรก ตนไม่ค่อยมีความหวังสักเท่าไหร่ แต่เมื่อสื่อมวลชนเข้ามาช่วยติดตามทำข่าว
และเห็นการทำงานอย่างเต็มที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ตนเองเริ่มมีความหวังอีกครั้ง และในวันนี้ ก่อนมาพบตำรวจ ตนก็ได้ไปทำบุญพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคำตอบที่ได้มาก็ทำให้ตนมีความหวังมากขึ้น และหวังว่าจะได้เจอหน้าลูกอีกครั้งอย่างปลอดภัย