เอ อัญชลี : "ตอนนั้นก็เสิร์ฟเลยค่ะ เสิร์จหาข้อมูล ว่าเค้าเรียนกันที่ไหนต้องเริ่มต้นยังไง เริ่มจากให้เรียนบัลเล่ต์ก่อนเพราะว่าเด็กก็ต้องมีเบสิค เรียนบัลเล่ต์เสร็จก็มาเรียนแจ๊ส แล้วก็ขยับมาเป็นเคป๊อบ ตอนนั้นเอก็ยังไม่รู้ว่าลูกจะเรียนไปเพื่อไปเป็นนักร้อง ก็คิดว่าส่งเสริมให้ลูกมีทักษะรอบตัว"
เอ อัญชลี : "คือเมื่อ2ปีที่แล้ว ได้ค่ายค่ายนึง เอจะต้องลบทุกอย่างหายไป เค้าต้องหายไปเลย ด้วยกฎระเบียบ1ปี"
ย้อนถามแล้วทำไมถึงได้รับการติดต่อมาให้ไปเป็นเทรนนี? ไคร่า : "หนูเริ่มจากเต้นในTiktok และก็มีไปแข่ง"
เอ อัญชลี : "สมัยก่อนเราคิดว่าทางเกาหลีจะเป็นคนติดต่อมาแต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ จะทางค่ายเปิดออดิชั่นตลอด สามารถส่งคลิปไปออดิชั่นได้ แต่ตอนไคร่ามีแมวมองคนเกาหลีเค้ามาดู และเค้าก็นัดเราไปออดิชั่นที่สตูดิโอ ตอนเด็กๆเราก็แห้วหมดเลย เพราะเรายังจับจุดเค้าไม่ได้"
ความยากจากที่เคยเข้าสู่กระบวนการเด็กฝึกเทรนนีของเกาหลี? เอ อัญชลี : "เป็นอะไรที่ลุ้นมาก เราต้องเสี่ยงอยู่ทุกเดือนว่าเราจะได้เก็บกระเป๋ากลับบ้านหรือเปล่า เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไรจะพยายามให้ทำให้ดีได้ทุกเดือน ก็เริ่มฝึกกับโรงเรียนที่เกาหลีก่อน ตอนอายุ13 ค่ายก็มาดูที่โรงเรียนกว่าจะออดิชั่นผ่าน ก็มาทำเรื่องสัญญาเราก็ทำใจ เอก็ไปส่งที่นั้นเลย อยู่ที่เกาหลี14วัน รอส่งเข้าค่ายว่าเป็นยังไง เค้าก็อยู่ได้ รอบนั้นเค้าอยู่เกือบ1ปีเลย"
รอบแรกที่เคยไปฝึก1ปีทำอะไรบ้าง? ไคร่า : "ก็ทำใจค่ะ (หัวเราะ) ก็มีซ้อม และก็เรียนภาษา เข้าค่ายฝึกตั้งแต่เที่ยง ถึงสี่ทุ่ม มีเรียนภาษาเกาหลี มีเรียนเต้นเรียนร้องเพลง ทุกๆสิ้นเดือนจะมีการประเมิน จะมีการตัดสินใจว่าคนนี้จะเก็บไว้มั้ย หรือว่าจะเอาออก"

แล้วครั้งแรกที่ไป ถูกคัดออกตอนไหน?
เอ อัญชลี : "อยู่ได้9 เดือนค่ะ เราอาจจะไม่ตรงสเป็คเค้าตอนนั้น ซึ่งเราก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของเค้า"
ล่าสุดมีกำหนดการที่ต้องไปฝึกกับที่ใหม่ ครั้งนี้เตรียมตัวยังไง?
ไคร่า : "เรียนร้องเพลงมากขึ้น เตรียมตัวทุกวัน หม่ามี๊จะเป็นคนที่ชอบพูดซ้ำค่ะ เตือนซ้ำๆหนูก็จะบอกว่ารู้แล้ว ในใจหนูคือแบบรู้แล้วต้องทำอะไร แต่หม่ามี๊ก็จะบอกแบบนี้เป็นร้อยครั้ง"
คาดหวังกับการไปฝึกครั้งนี้ยังไงบ้าง?ไคร่า : "ไปครั้งนี้ก็จะทำให้ดีกว่าเดิม แล้วก็ฝึกให้หนักกว่าเดิมไม่ยอมแพ้ แล้วก็จะอยู่กับตัวเอง ซ้อมให้เยอะจะไม่สนใจอะไรเลย"




