“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยถึงการประมูลลิขสิทธิ์ไทยลีกว่า กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ที่ใช้เวลานาน เพราะเป็นการประมูลระยะยาว 4 ปี

ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แม้ฤดูกาลปัจจุบันกำลังจะจบลงแล้ว โดยเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 68 มาดามแป้ง เคยให้สัมภาษณ์ว่า มี 4 เจ้า สนใจร่วมวงเข้าประมูล ได้แก่ 1.เอไอเอส-แจส (ผู้ถือลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป) 2.ทรูวิชั่นส์ (เจ้าของลิขสิทธิ์ในฤดูกาลปัจจุบัน) 3.บีจี สปอร์ตส์ (ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทีมชาติไทยทางยูทูบ) ส่วนอีกหนึ่งเจ้าจากต่างชาติ

นับจากวันนั้น ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ยังไม่มีความคืบหน้าออกมาแต่อย่างใด กระทั่งล่าสุด วันที่ 17 พ.ค. 68 สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้แจ้งความเคลื่อนไหวว่า มาดามแป้ง กล่าวว่า การเจรจากับผู้สนใจประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลไทยลีก เป็นไปในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม ด้วยการประมูลระยะยาว 4 ปี ตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26-2028/29 ทำให้ต้องใช้เวลาในการพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่าที่ผ่านมานัดเจรจากันหลายครั้งจนคืบหน้า และการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี มั่นใจมีข่าวดีได้ในที่สุด

“มาดามแป้ง” กล่าวด้วยว่า ขอยืนยันว่า สโมสรสมาชิก ทั้ง 3 ลีก จะได้เงินสนับสนุนขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่า ฤดูกาล 2024/25 แน่นอน พร้อมขอให้เชื่อมั่นว่า แม้ปัจจุบัน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะเผชิญกับวิกฤติทางการเงินอย่างหนัก และหนี้สินรัดตัว หลังแพ้คดีสยามสปอร์ต แต่ขอให้สโมสรสมาชิกมั่นใจในตัวของนายกสมาคมฯ ว่ายังสามารถบริหารจัดการกิจการของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และการจัดการแข่งขันไทยลีก ได้อย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนช่วยสนับสนุนการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในยุคนี้ต่อไป

ฤดูกาลปัจจุบัน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ได้จ่ายเงินสนับสนุนสโมสรสมาชิก ครบทั้ง 3 ลีก แล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 68 รวมเป็นเงิน 280 ล้านบาท แบ่งเป็น ไทยลีก 1 สโมสรละ 10 ล้านบาท, ไทยลีก 2 สโมสรละ 3 ล้านบาท และ ไทยลีก 3 สโมสรละ 1 ล้านบาท

ไม่กี่วันมานี้ เพิ่งมีกระแสข่าวว่า จากการประชุมสโมสรไทยลีก 1 มีแนวคิดที่จะแยกไทยลีก 1 มาบริหารจัดการเอง แยกมาจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด

สำหรับค่าลิขสิทธิ์ของฟุตบอลไทยที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคเริ่มก่อตั้ง ในช่วงปี 2011-2013 ได้จากทรูวิชั่นส์ ปีละ 200 ล้านบาท รวม 3 ปี 600 ล้านบาท จากนั้นสัญญาต่อมาช่วงปี 2014-2016 ได้เพิ่มเป็นปีละ 600 ล้านบาท รวม 3 ปี 1,800 ล้านบาท

มูลค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทย พุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงปี 2017-2020 ทรูวิชั่นส์เซ็นสัญญาเฉลี่ยปีละ 1,050 ล้านบาท รวม 4 ปี 4,200 ล้านบาท

จากนั้น ตั้งแต่ปี 2020 ที่ประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทย โดยบริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ซึ่งทุ่มเงิน 12,000 ล้านบาท คว้าลิขสิทธิ์ยาว 8 ปี ตกปีละ 1,200 ล้านบาท แต่ยังไม่ทันได้เริ่มสัญญาก็มีการยกเลิกก่อน เนื่องจากไม่สามารถวางหลักประกัน และเงินงวดแรกได้

ทำให้ในฤดูกาล 2021-22 เป็น “เอไอเอส” ซื้อไปในราคา 800 ล้านบาท จากนั้นในฤดูกาลต่อมา 2022-23 เหลือเพียง 300 ล้านบาทเท่านั้น

กระทั่งฤดูกาล 2023-24 มูลค่าตอนประมูลเหลือแค่ 50 ล้านบาท ทำให้สโมสรไทยลีก 1 ขอแยกมาดำเนินการขายสิทธิ์ถ่ายทอดสดเอง มี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และการท่าเรือ เอฟซี เป็น 3 สโมสรที่ร่วมกันลงขันเริ่มต้นทีมละ 10 ล้านบาท

ส่วนฤดูกาล 2024-25 ซึ่ง “มาดามแป้ง” เข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ แล้ว ได้ขายลิขสิทธิ์ให้กับ “ทรูวิชั่นส์” อีกครั้ง มีรายงานว่ามูลค่าอยู่ที่ 190 ล้านบาทด้วยกัน.