เจาะกลยุทธ์ ‘MR.D.I.Y.’ 9 ปี-1 พันสาขา ยืนหนึ่งสินค้า ‘ตกแต่งบ้าน-ไลฟ์สไตล์’
SUB_BUA May 17, 2025 11:40 PM
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษผู้เขียน : สุวัฑ แซงลาด

ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่รุมเร้าประเทศไทย และทั่วโลกจากปัญหาภาษีของสหรัฐอเมริกา หลายภาคส่วนประสบปัญหา แต่ก็มีอีกหลายธุรกิจที่เห็นโอกาสในวิกฤตนี้

หนึ่งในนั้นไม่พ้น “MR.D.I.Y.” ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์จากประเทศมาเลเซีย ที่นอกจากจะไม่กระทบแล้ว ยังเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

“อานุภาพ คงมาลัย” รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MR.D.I.Y. หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ไขสู่ความสำเร็จ พร้อมเปิดเบื้องหน้า-เบื้องหลังกับ “ประชาชาติธุรกิจ”

9 ปีในไทย-เติบโตติดจรวด

“MR.D.I.Y. เริ่มต้นธุรกิจในประเทศมาเลเซีย ในปี 2005 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าคุณภาพดีและหลากหลายประเภท ในราคาถูกคุ้มเสมอ หรือ Always Low Prices จากนั้นเริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ในปี 2016 โดยเปิดสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค และเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ปี 2022 MR.D.I.Y. ขยายสาขาสู่ 500 สาขาทั่วประเทศ” อานุภาพ คงมาลัย เกริ่นถึงความเป็นมา

ต่อมาในปี 2023 นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ MR.D.I.Y. เริ่มรุกตลาดอีคอมเมิร์ซครั้งแรก โดยจับมือกับ Shopee ขยายช่องทางขายออนไลน์ รวมถึงเปิดตัว Flagship Store แห่งแรก ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เพื่อยกระดับรูปแบบร้านค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในฐานะร้าน MR.D.I.Y. แห่งที่ 700

เจาะเพิ่มตลาดองค์กร-ออนไลน์

จนกระทั่งปี 2024 ได้รุกขยายช่องทางการขายออนไลน์ผ่าน www.mrdiy.co.th และยกระดับช่องทางค้าส่งออนไลน์ด้วยบริการ MR.D.I.Y. for Business ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กรทุกขนาด ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตลอดจนกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่

โดยนำเสนอสินค้าคุณภาพหลากหลายรายการในราคาขายส่ง “ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งคุ้มกว่า” พร้อมอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้าอย่างรวดเร็ว ผ่านทางช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวร้านค้า MR.D.I.Y. บนแพลตฟอร์ม Lazada และ TikTok เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ๆ

ปีนี้มาแรงเปิดครบ 1 พันสาขา

รวมถึงเปิดตัว Flagship Store แห่งใหม่ ณ ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ภายใต้ธีม “Feel the Difference” ด้วยพื้นที่กว่า 1,280 ตารางเมตร ซึ่งแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ให้กับครอบครัวชาวไทย ด้วยการออกแบบภายในที่ทันสมัย สะท้อนไลฟ์สไตล์คนเมือง พร้อมเคาน์เตอร์ชำระเงินอัตโนมัติด้วยตัวเองได้อีกด้วย

ปัจจุบันปี 2025 ที่ได้ดำเนินการในประเทศไทยมายาวนานกว่า 9 ปี มีจำนวนสาขารวมกว่า 1,000 สาขา ทั่วประเทศ แบ่งเป็น Stand Alone 71% และในห้างสรรพสินค้า 29% มีสินค้ามากมายกว่า 15,000 รายการ ใน 6 แผนกหลัก ที่สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยที่ชื่นชอบสินค้าแบบคุ้มค่าและครบจบในที่เดียว เช่น อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องมือช่าง เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา ของเล่น และหมวดหมู่อื่น ๆ เป็นต้น

คว้า 2 รางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยม

ล่าสุดยังคว้า 2 รางวัลใหญ่ ในงาน “2025 Thailand’s Most Admired Brand” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากผู้บริโภค ได้แก่ รางวัลแบรนด์อันดับหนึ่งในหมวดช่องทางขายสมัยใหม่ กลุ่ม “ร้านขายสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน”

และรางวัล Brand Star Award สำหรับแบรนด์ดาวรุ่งที่มีความโดดเด่นน่าจับตามอง ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากผลสำรวจโดย นิตยสาร BrandAge ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี

ความท้าทายของธุรกิจในไทย

MR.D.I.Y. มองว่า ตลาดนี้มีการแข่งขันสูงจากทั้งผู้ค้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งความท้าทายสำคัญที่ต้องเผชิญในปัจจุบัน ได้แก่ การปรับตัวให้ทันกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะความต้องการมีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงบ่อย รวมถึงการรักษาความหลากหลายของสินค้า ประมาณ 15,000 รายการ ให้ครอบคลุม 6 แผนกหลัก

ขณะเดียวกัน ยังต้องควบคุมราคาขาย ด้วยกลยุทธ์ Economies of Scale ที่เกิดจากการประสานงานกับซัพพลายเออร์ และการมีระบบจัดการ โลจิสติกส์ ที่บริหารจัดการเอง ทำให้เรามีต้นทุนที่ต่ำ และนำเสนอสินค้าในราคาถูกคุ้มเสมอ พร้อมกับสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งที่สะดวก ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ และที่สำคัญ ยังต้องบริหารสต๊อกและโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการขยายตัวของสาขา และช่องทาง e-Commerce

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วย MR.D.I.Y. มีธุรกิจโมเดลที่ Resilience หรือความสามารถในการปรับตัว วางแผนล่วงหน้า และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดไทยได้อย่างไม่หยุดยั้ง

เทรนด์การซื้อของกลุ่มลูกค้าคนไทย

นายอานุภาพกล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ MR.D.I.Y. รุกตลาดในเมืองไทยมาเกือบ 10 ปี ได้เห็นปรากฏการณ์พฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคคนไทยแต่ละช่วงเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้

2016-2018 ถือเป็นยุคของการเลือกซื้ออย่างคุ้มค่า เพราะลูกค้าเน้นเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาประหยัด ควบคู่ไปกับคุณภาพสินค้า และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ต้องเป็นที่ยอมรับ

2019-2022 ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่นำไปสู่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นช่วงระยะเวลาที่ลูกค้าเน้นการซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และมีการจับจ่ายอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกัน ยังพบว่าคนไทยใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์สำหรับคนทำงานที่ต้อง Work from Home เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าการซื้อสินค้าผ่าน e-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นช่องทางหลักในการซื้อสินค้า

2023-ปัจจุบัน ยุคของไลฟ์สไตล์ เป็นยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ “ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว” ความต้องการสินค้าเทรนด์ใหม่ ๆ และการช็อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ยังพบว่า e-Commerce และ Social Commerce บนแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เช่น TikTok ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อ

หมัดเด็ดมัดใจลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

กลยุทธ์สำคัญของ MR.D.I.Y. ที่ใช้มัดใจลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และทำให้ประสบผลสำเร็จ จนมีสาขามากมายในปัจจุบัน คือ MR.D.I.Y. เป็นธุรกิจที่ Resilience ที่มีความสามารถขององค์กรในการคาดการณ์ เตรียมพร้อมตอบสนองและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยยึดมั่น 3 Value Propositions ให้ตรงใจลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจในแบรนด์ ประกอบด้วย

“Product” ประมาณ 15,000 รายการ ที่ครอบคลุม 6 แผนกหลัก ทั้ง Private Label ที่ MR.D.I.Y. เป็นทั้งเจ้าของแบรนด์ และผู้จัดจำหน่าย รวมถึง Licensed Products เช่น Disney และ Marvel โดยเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย เพื่อสร้างความน่าสนใจและตอบโจทย์ลูกค้า

“Price” มุ่งเน้นในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย คุณภาพดี และคุ้มค่าต่อการจับจ่าย ภายใต้สโลแกนที่ว่า “Always Low Prices” หรือ ราคาถูกคุ้มเสมอ

“Convenient” ด้วยจำนวนสาขาที่มากกว่า 1,000 สาขา ใน 77 จังหวัด ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความแตกต่าง เพื่อมอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในทุกสาขาทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีช่องทาง e-Commerce เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ อาทิ www.mrdiy.co.th, Shopee, Lazada และ TikTok พร้อมกับการสร้างภาพลักษณ์ หรือ Brand Awareness ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศได้อย่างดีเยี่ยม

เหล่านี้มีส่วนสำคัญในการทำให้ MR.D.I.Y. ยังคงครองตำแหน่ง No.1 Top of Mind ในหมวดหมู่ Home Improvement และ Lifestyle Retailer จากรายงานการตลาดประจำปี 2024 ของ Nielsen’s อย่างต่อเนื่องในประเทศไทย

คุมราคาสินค้าสู้ภาษีทรัมป์

นายอานุภาพกล่าวถึงปัญหาการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกาว่า ธุรกิจของ MR.D.I.Y. มีความเกี่ยวข้องกับดัชชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ถ้าดัชนีร่วงลง แสดงว่าโครงการบ้านต่าง ๆ อยู่ในภาวะชะลอตัว เช่น บ้านใหม่มีการสร้างน้อยลง ดอกเบี้ยเงินกู้บ้านที่ยากขึ้น คนก็จะซื้อบ้านใหม่ได้ยากขึ้น แล้วมันจะมีอีกหนึ่งเทรนด์ คือ คนจะหันมา Renovate บ้าน

ดังนั้น MR.D.I.Y. ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้นในการนำเสนอสินค้าที่มีความหลากหลายให้กับผู้บริโภคในราคาที่ถูกและคุ้มค่าเสมอมาอยู่แล้ว จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีส่วนช่วยให้คนไทยประหยัดมากยิ่งขึ้นในทุกสถานการณ์ เมื่อไหร่ที่ลูกค้าคนไทยมาซื้อของที่ร้าน จงมั่นใจว่าจะได้ของที่คุ้มค่าและมีคุณภาพแน่นอน

วางแผนเปิดเพิ่มอีก 200 สาขา

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 MR.D.I.Y. มีเป้าหมายหลัก 5 ด้าน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคคนไทยทั่วประเทศ ประกอบด้วย

1.ขยายสาขาให้เข้าถึงได้มากขึ้น วางแผนเปิดเพิ่มอีก 200 สาขาใหม่ทั่วประเทศ ด้วยงบฯลงทุนมากกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง MR.D.I.Y. ได้อย่างสะดวกในทุกพื้นที่

2.มีสินค้าหลากหลาย พร้อมกับสนับสนุนผู้ผลิตท้องถิ่น ร่วมมือกับซัพพลายเออร์ท้องถิ่นมากกว่า 350 ราย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจไทย พร้อมคงคุณภาพ ความคุ้มค่า และการเข้าถึงสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า

3.รักษากลยุทธ์ “Always Low Prices”โดยใช้ Economies of Scale เพื่อบริหารต้นทุนสินค้าให้ต่ำลง เพื่อส่งต่อความประหยัดให้ลูกค้าทุกคน

4.ทำการตลาดเชิงรุก โดยเตรียมเปิดตัวแคมเปญการตลาดและโปรโมชั่นกว่า 50 กิจกรรม ตลอดทั้งปี

5.มุ่งเน้นความยั่งยืนและสนับสนุนชุมชน ด้วยการสร้างโอกาสการจ้างงานในท้องถิ่น 10 ตำแหน่ง/สาขา ที่เปิดใหม่ รวมถึงสานต่อโครงการ MR.D.I.Y. Cares ซึ่งปี 2025 นี้ได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 7 ปี รวมกว่า 70 กิจกรรม

“ที่สำคัญ ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามหลักธรรมาภิบาล (ESG)”

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.