เปิดนโยบายองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ทุ่ม 200 ล้านบาท ซื้อเฮลิคอปเตอร์แก้ไฟป่า-ภัยพิบัติ ผนึก 4 พันธมิตร ลุยพื้นที่เสี่ยงภูเขาสูง ทุรกันดาร คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ในปี 2569

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าภัยพิบัติ และเหตุฉุกเฉินโดยใช้อากาศยานพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ และภาควิชาการ ในการเพิ่มศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินในการที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากไฟป่า หมอกควัน (PM 2.5) ภัยพิบัติต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการช่วยเหลือประชาชน การกู้ภัย และการขนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขาสูงที่เข้าถึงได้ยาก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการผสานทรัพยากร เทคโนโลยี และองค์ความรู้จากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างกลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ภัยพิบัติ และอุบัติการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อากาศยานในการเข้าถึงพื้นที่ที่มีข้อจำกัดทางภูมิประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบบริหารจัดการภัยพิบัติในยุคใหม่

โดยทั้งสี่ฝ่ายตกลงทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้วยเจตนารมณ์ของความร่วมมือด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า ภัยพิบัติ เหตุฉุกเฉินด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการสารณสุข และด้านการแพทย์ฉุกเฉิน โดยใช้อากาศยานพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

นายพิชัย กล่าวต่อว่า อบจ.เชียงใหม่ มีนโยบายที่จะซื้อเฮลิคอปเตอร์ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเตรียมนำเรื่องเข้าสู่สภาฯ เพื่อขออนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาไฟป่า PM 2.5 และภัยพิบัติฉุกเฉินต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่ 25 อำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลที่อยู่บนภูเขาสูงและเข้าถึงยาก จำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในการช่วยเหลือประชาชนให้ทันท่วงที คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ในปี 2569

จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยไฟป่าและหมอกควันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเขตอำเภอภูเขาสูง เช่น แม่แจ่ม อมก๋อย เชียงดาว และสะเมิง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากภัยพิบัติอื่น ๆ เช่น ดินถล่ม น้ำหลาก และเหตุฉุกเฉินที่เข้าถึงได้ยาก

การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้อากาศยาน เพื่อการบินลาดตระเวน ตรวจสอบจุดความร้อน ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟ และให้การช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการขนย้ายผู้ป่วยจากพื้นที่ทุรกันดาร การลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ และการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทันท่วงที