ศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี รองแชมป์เก่า และอดีตแชมป์ 7 สมัย มีคิวลงดวลเกือก คริสตัล พาเลซ อดีตรองแชมป์ 2 สมัย

ครึ่งแรก แมนฯ ซิตี เดินหน้าบุกแหลก แต่กลับโดน พาเลซ เล่นงานด้วยจังหวะสวนกลับ และออกนำไปก่อน 1-0 จาก เอเบเรชี เอเซ จอมทัพตัวเก่ง ในนาทีที่ 16

จากนั้นนาทีที่ 36 แมนฯ ซิตี พลาดโอกาสตีเสมออย่างน่าเสียดาย เมื่อได้ลูกจุดโทษ แต่ โอมาร์ มาร์มูช กลับยิงไปติดเซฟของ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารปราสาทเรือนแก้ว เสียอย่างนั้น

ครึ่งหลังนาทีที่ 60 พาเลซ เกือบได้ประตูที่ 2 เมื่อ ดาเนียล มูนญอซ ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ต้องเฮเก้อหลังถูกริบประตูคืนเนื่องจากบอลไปแฉลบ อิสไมลา ซาร์ ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนที่ กองหลังทีมชาติโคลอมเบีย จะจิ้มเข้าประตูไป

ช่วงเวลาที่เหลือ “เรือใบสีฟ้า” ลุยแหลก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทวงประตูตีเสมอได้ จบเกม คริสตัล พาเลซ พลิกล็อกโค่น แมนฯ ซิตี 1-0 ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ไปครองได้เป็นสมัยแรก และเป็นแชมป์เมเจอร์รายการแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ส่วน เดอะ ซิติเซนส์ ที่ทำสถิติผ่านเข้าชิงดำ 3 ปีรวดต้องผิดหวังทำได้แค่รองแชมป์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน.

ภาพ AFP, gettyimages