ยิงตาย 3 ศพ! หนุ่มบุกยิงเพื่อนสังเวยแค้น ดับคาที่ 2 คน ก่อนหนีไปจบชีวิตตัวเองในป่าใกล้ๆ สาวเผยถ้าแฟนตนไม่โดนยิง เป้าหมายน่าจะเป็นพ่อกับแม่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 พ.ค.68 พ.ต.ท.สุดสาคร สโมสร สว.(สอบสวน) สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระยุพราชฉวาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจและสยามรวมใจปู่อินทร์ เข้าตรวจสอบเหตุยิงกันตาย 3 ศพ ที่ถนนหน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่ง หมู่ 2 ต.ฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
เมื่อไปถึงพบผู้เสียชีวิตรายแรกอยู่บนถนน ทราบชื่อคือ นายณรงค์ หรือบ่าว อายุ 49 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5-6 นัด จนมันสมองกระจาย ศพที่สองอยู่ห่างจากศพแรกประมาณ 200 เมตร ในซอยทางเข้ารีสอร์ต ทราบชื่อคือ นายณัฐกิตติ์ หรือทิว อายุ 26 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกันจำนวน 4-5 นัด
และในป่าละเมาะไม่ไกลกัน พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ทราบชื่อคือ นายสุรพันธ์ หรือเจมส์ อายุ 36 ปี ใช้ปืนที่ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตคาที่ โดยมีอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 กระบอก นอกจากนี้ในบริเวณจุดเกิดเหตุทั้ง 3 จุด เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนที่ยิงไปแล้ว 14 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า นายสุรพันธ์ มีเรื่องบาดหมางกับ นายณรงค์ และ นายณัฐกิตติ์ มาก่อน ก่อนเกิดเหตุ นายณรงค์ ได้ถืออาวุธปืนไปหา นายณรงค์ ในซอยดังกล่าว แล้วชักปืนออกมายิงใส่ ปรากฏว่า นายณรงค์ วิ่งหนีไปบนถนนก่อนจะล้มลงจึงถูกยิงซ้ำอีก 4-5 นัดตายคาที่
ระหว่างนั้น นายณัฐกิตติ์ ซึ่งได้ยินเสียงปืนจึงรีบออกมาดู และเป็นจังหวะเดียวกับที่ นายสุรพันธ์ เดินกลับไปที่ซอยดังกล่าวพอดี เมื่อ นายสุรพันธ์ เห็นจึงใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตเป็นศพที่สอง จากนั้น นายสุรพันธ์ ได้วิ่งออกมาบนถนนแล้วเข้าไปในพงหญ้า ก่อนจะยิงตัวตายเป็นศพที่สาม ซึ่งเหตุเกิดท่ามกลางประจักษ์พยานจำนวนมาก
ด้าน น.ส.ลัดดาวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) แฟนของ นายณัฐกิตติ์ กล่าวว่า ตนเดินออกมากับแฟน เมื่อ นายสุรพันธ์ มาถึงก็ยิงแฟนตนทันที ซึ่งถ้าตนกับแฟนไม่มาเป้าหมายอาจจะไปที่พ่อกับแม่ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ปกติก็เป็นคนรู้จักทักทายกันทุกครั้งเมื่อเจอกัน ไม่คิดว่าจะมาทำอย่างนี้
พ.ต.อ.สุทัศน์ สงสยม รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ระบุว่าตอนนี้กำลังสอบสวนถึงสาเหตุการณ์และแรงจูงใจ เบื้องต้นทราบว่ามาจากขัดแย้งกันเรื่องหนี้สินบางอย่าง หรือโกรธแค้นส่วนตัว ซึ่งจะเร่งสอบหาสาเหตุที่ชัดเจนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป