ภัยเงียบในครัวที่มีทุกบ้าน! เช็กด่วน แก้ว 6 ประเภท หากใส่น้ำร้อน อาจกลายเป็นพิษ หากปล่อยไว้ สะสมในร่างกาย นำไปสู่โรคร้ายในอนาคต พร้อมเทคนิคเลือกใช้แก้ว
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 รายงานจากสื่อต่างประเทศ เตือนภัยประชาชน ให้ตรวจสอบแก้วน้ำในครัวเรือนที่มีลักษณะเข้าข่ายแก้ว 6 ประเภทนี้ หากใส่น้ำร้อน อาจกลายเป็นพิษ ควรกำจัดทิ้งทันที มิเช่นนั้นอาจเป็นภัยเงียบสะสมในร่างกาย ส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพ นำไปสู่โรคร้าย
เมื่อชั้นเคลือบของแก้วหลุดลอก โลหะด้านในจะเผยออกมา และเมื่อเวลาผ่านไปอาจเกิดสนิมได้
หากเทน้ำร้อนลงในแก้วเช่นนี้ จะเพิ่มความเสี่ยงที่โลหะอันตรายจะละลายลงในน้ำ เมื่อสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน ส่งผลเสียอย่างมากต่อสุขภาพ
ภาพประกอบ
แก้วบางชนิดมีส่วนผสมของตะกั่วเพื่อเพิ่มความใสและความสวยงาม ตะกั่วเป็นโลหะหนักที่เป็นพิษ หากร่างกายดูดซึมตะกั่วเป็นเวลานาน ระดับตะกั่วในเลือดจะเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญาและระบบประสาทของเด็ก
ดังนั้นเมื่อซื้อแก้วใส จึงควรเลือกชนิด “ปราศจากตะกั่ว” เพื่อความปลอดภัย
ภาพประกอบ
แก้วเกลเชียร์ (Glacier) สีสันสวยงาม เป็นที่นิยมเพราะมีลักษณะที่ดึงดูดสายตา แต่สีสันเหล่านั้นมักเกิดจากการชุบโลหะ หรือพ่นสี องค์ประกอบทางเคมีและโลหะหนักในแก้วเหล่านี้อาจเกินระดับความปลอดภัย มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตับ ไต และระบบประสาทส่วนกลาง
วิธีหลีกเลี่ยงการซื้อแก้วเกลเชียร์ (Glacier) ที่เป็นอันตราย ได้แก่
ภาพประกอบ
แก้วชนิดนี้พบเห็นได้ทั่วไป แต่ส่วนใหญ่เหมาะสำหรับใส่น้ำเย็นเท่านั้น เมื่อเทน้ำร้อนลงไป อาจทำให้เกิดการปล่อยสาร Bisphenol A (BPA) ซึ่งเป็นสารที่อาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมน ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบประสาท และอาจกระตุ้นการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
หากจำเป็นต้องใช้แก้วพลาสติก ควรเลือกชนิดที่มีสัญลักษณ์หมายเลข 5 (PP) ที่ก้นแก้ว – แก้วชนิดนี้ทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส ปลอดภัยกับน้ำร้อน และสามารถใช้ในไมโครเวฟได้
แก้วเก็บความร้อนสแตนเลสคุณภาพต่ำ เมื่อเทน้ำร้อน อาจปล่อยโลหะหนัก เช่น โครเมียม หากสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
วิธีเลือกแก้วสแตนเลสที่ปลอดภัย ได้แก่
แก้วเซรามิกโดยทั่วไปเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย แต่ชนิดที่มีลวดลายวาดบนชั้นเคลือบไม่ควรใช้ หากวัสดุสีมีคุณภาพต่ำหรือกระบวนการเผาไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้โลหะหนักเกินขีดจำกัด โดยเฉพาะเมื่อใส่น้ำร้อน ความเสี่ยงในการปล่อยโลหะจะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ภาพประกอบ
1.แก้วเก็บความร้อน : ไม่ควรใช้ชงชา
ชา มีแทนนิน, คาเฟอีน และน้ำมันหอมระเหย เหมาะสำหรับการชงที่อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส การชงชาในแก้วเก็บความร้อนทำให้ชาแช่นานเกินไป ทำให้ชาขมและสูญเสียรสชาติ
2.แก้วเซรามิก : เหมาะที่สุดสำหรับชงชา
เมื่อเทียบกับแก้วสแตนเลส แก้วเซรามิกมีคุณสมบัติในการนำความร้อนที่ช้ากว่า ไม่ทำให้มือพองง่าย ไม่ดูดซึมน้ำ และไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับชา ช่วยรักษารสชาติดั้งเดิม
3.แก้วใส : เหมาะสำหรับใส่น้ำผลไม้
น้ำผลไม้มีฤทธิ์เป็นกรด อาจกัดกร่อนวัสดุบางชนิด แต่แก้วใสไม่พบปัญหาเช่นนั้น เพราะแก้วเป็นวัสดุ ที่ไม่ทำปฏิกิริยากับกรด นอกจากนี้ยังมีการกระจายความร้อนที่รวดเร็ว เย็นสบายมือ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับน้ำผลไม้
ที่มา : Soha