เดือดมาก! สาวบังเอิญเจอรถเก๋งตัวเองขับผ่านหน้า ตัดสินใจกระโดดลงจากวิน วิ่งไปคว้าประตูรถเปิดแย่งกุญแจ เผยต้นเหตุมาจากเพื่อนที่สนิท จนต้องผ่อนกุญแจเปล่าๆ มา 1 ปีเต็ม

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Nam Nxam” โพสต์คลิปวิดีโอ สาวคนหนึ่งกระโดดลงจากวินจยย.เพื่อไล่ตามรถเก๋งของตัวเองที่หายไป และมีพลเมืองดีหลายคนเข้าช่วยเหลือ จนเรื่องราวกลายเป็นไวรัลทั่วโซเชียล เหตุเกิดที่ผ่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 18 พ.ค.68 น.ส.น้ำฝน อายุ 30 ปี เจ้าของรถ เปิดใจกับ “ข่าวสดออนไลน์” ว่า เมื่อประมาณเดือน พ.ค.67 ตนมาจากต่างจังหวัดโดยมีรถหนึ่งคัน แต่ไม่สามารถจอดที่พักของตนได้ เพื่อนซึ่งมีแฟนเป็นคนจีนได้เสนอว่า ให้นำรถไปจอดคอนโดของแฟนเขาเพราะอยู่ใกล้ๆ สามารถเดินไปเอาได้หากต้องการใช้รถ ตนจึงตกลงและฝากกุญแจไว้ในช่วงเช้าของวัน เพราะต้องไปทำงานต่อ เพื่อนก็ถ่ายรูปตอนฝากรถและรูปตอนเอารถไปจอดส่งมาให้ จึงสบายใจว่ารถปลอดภัยและดีใจที่จะไม่ต้องเสียค่าเช่าที่จอดรถแล้ว

ต่อมาพอถึงวันที่ตนต้องการจะใช้รถ จึงได้ติดต่อเพื่อนว่าจะใช้และกำลังจะไปเอา แต่เพื่อนคนดังกล่าวอ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ถามหารถก็จะบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา บอกว่าแฟนไปต่างจังหวัดบ้าง ไปต่างประเทศบ้าง จนตนเริ่มแปลกใจว่าทำไมทุกครั้งที่จะใช้รถถึงมีข้ออ้างตลอด จึงตัดสินใจบอกเพื่อนว่าจะแจ้งความ เพื่อนจึงแนะนำว่าแจ้งเลย โดยให้เอกสารของแฟนคนจีนมาด้วย ตนจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง ตนต้องผ่อนกุญแจเปล่ามาเป็นเวลา 1 ปี โดยที่ไม่ได้ใช้รถของตัวเองเลย

จนกระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีห้วยขวาง เพื่อที่จะรอเวลาไปเที่ยวพัทยา แต่จะไปกินข้าวกับเพื่อนก่อน จึงเรียกวินจยย.ไปส่ง แต่เมื่อมาถึงถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ แถวๆ ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 6/1 กับ 6/2 เป็นช่วงที่รถติดพอดี ก็เหลือบไปเห็นรถของตัวเองขับผ่านหน้าไปแบบช้าๆ

ตนจำสติกเกอร์และทะเบียนรถได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมั่นใจว่าเป็นรถของตัวเองแน่นอน จึงได้ให้วินขี่ตามไปใกล้ๆ และตัดสินใจกระโดดลงจากวินแล้ววิ่งไล่ตามเปิดประตูรถฝั่งคนขับ แต่ชายคนดังกล่าวยังขับไปเรื่อยๆ แต่คนจีนที่นั่งในรถไม่ยอมให้กุญแจตน จึงพยายามดึงกุญแจออกและร้องตะโกนให้คนที่เห็นเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือ

ในเวลาต่อมาตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้เชิญตัวชายชาวจีน มาสอบปากคำ ซึ่งชายชาวจีนคนดังกล่าวอ้างว่า เพื่อนของตนติดหนี้เขาอยู่ 250,000 บาท และนำรถยนต์คันดังกล่าวมาให้ตนไว้ใช้เพื่อเป็นการค้ำประกัน แต่เพื่อนของตนปฏิเสธว่าไม่ได้ติดหนี้และไม่ได้เอารถไปค้ำประกันแต่อย่างใด เงินที่คนจีนให้มาเป็นเงินที่ลงทุนเปิดร้านนวดด้วยกัน แต่เจ๊งไปแล้ว ทางคนจีนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมและจะนำหลักฐานมาเเจ้งความในภายหลัง

หลังจากมีการไกล่เกลี่ยเเล้ว ตนจึงได้ตรวจสอบสภาพรถ พบว่ามีความเสียหาย จึงเจรจาตกลงกันอีกครั้ง ซึ่งชายชาวจีนจึงจะเป็นคนรับผิดชอบในความเสียหายนี้ และได้นัดหมายพูดคุยราคาในการซ่อมแซม ในวันที่ 19 พ.ค.68 ส่วนของเพื่อนตนนั้นก็จะดำเนินคดีหลังจากที่เคลียร์เรื่องรถเสร็จแล้ว ตนไว้ใจเพื่อนคนนี้มาก เนื่องจากรู้จักกันมาพอสมควร ไม่คิดว่าเพื่อนจะทำกับตนแบบนี้ แต่ตอนนี้ได้รถคืนตนก็สบายใจขึ้นมาก และจะไม่ไว้ใจใครง่ายๆ อีก