วันที่ 19 พ.ค.68 ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ Dr. Sascha Helbardt นักวิจัยชาวเยอรมัน ซึ่งร่วมวิจัย Counter Violent Extremist ในโครงการ “แนวความคิดในการต่อต้านความรุนแรงแบบสุดโต่ง กับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย” เผยแหล่งเงินทุนของ BRN ที่มีสินทรัพย์กว่า 4 พันล้าน และมีรายได้กว่า 100 ล้าน นั้น
ดร.ปณิธาน ระบุว่า งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ BRN และการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทยมีน้อย และ Dr. Sascha Helbardt มา ศึกษาวิจัยเรื่องนี้ทำปริญญาเอก ก็ได้ลงในพื้นที่จริงและได้พูดคุยกับผู้ที่อยู่ในขบวนการ BRN เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นงานวิจัย ที่ ส่องแสงไปในองค์กรลับ ที่องค์กรภาครัฐจะต้องต่อยอดและขยายผลในเรื่องนี้ต่อไป
โดยได้มีการประมวลข้อมูลเรื่องรายได้ที่มาของรายได้ต่างๆของขบวนการ BRN ซึ่งก็เป็นตัวเลขจากข้อมูลการวิจัย ที่ฝ่ายรัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องไปติดตามและใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้. ตรวจสอบว่า มีเงินในระบบเข้ามาสู่รายได้ ของขบวนการBRN ได้ตรงไหน อย่างไรบ้าง รวมทั้งเงินที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องมีการไปตรวจสอบ
แม้แต่เรื่องงบประมาณในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และมีคดีความ อยู่ว่า มีจุดรั่วไหล ตรงไหน ที่มาสนับสนุนขบวนการ BRN โดยเฉพาะงบประมาณเงินสนับสนุนในส่วนการศึกษาที่รั่วไหลไปสู่ขบวนการBRN.
โดยโครงสร้างของBRN ซึ่งเป็นองค์กรลับ ก็ยังคงเป็นองค์กรที่ไม่ได้รู้จักกันหมดบางส่วนก็มีความขัดแย้งกันเอง แม้แต่ในเรื่องการเงิน สมาชิกขบวนการนี้ทำงานเป็นแท่ง เป็นไซโล
ดังนั้นภาครัฐ ต้องไปสร้างสภาวะสมดุลย์และคุมสภาพไม่ให้เกิดการรั่วไหลของงบประมาณ หรือท่อน้ำเลี้ยง ไปสู่ขบวนการ BRN
การใช้งบประมาณให้ถูกต้องและลงไป ทำในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ในภาคประชาสัมพันธ์สังคม บริหารจัดการให้เหมาะสม จะเป็นการช่วยสถานการณ์ คลี่คลายลง ได้อีกรูปแบบหนึ่ง
พร้อมแนะให้ใช้โครงสร้างหน่วยและโครงสร้างพิเศษที่มีอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสริมให้แกร่งขึ้นและทำงานให้จริงจัง
ดร.ปณิธาน ยังคงสนับสนุนให้มีการพูดคุยสันติสุขต่อไปเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ถือว่าเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการให้มีการพูดคุยต่อไป
ดร.ปณิธาน กล่าวด้วยว่าตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมาขบวนการ BRN ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ และมีการปรับตัวอยู่ตลอด
โดยมีในส่วนของผู้นำจิตวิญญาณที่ก็มีบางส่วนที่ประกาศว่าไม่หนุนความรุนแรงและส่งตัวแทนมาคุยกับตัวแทนรัฐบาลไทย และควรต้องคุยอย่างต่อเนื่องและขยายผลให้เขามีน้ำหนักในพื้นที่ ถ้าสามารถเดินหน้าการพูดคุยสันติสุขต่อได้ก็จะเป็นการดีซึ่งมันตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ในส่วนกองกำลังสุดโต่ง การที่ BRN ก่อเหตุรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ถือเป็นความเพลี้ยงพล้ำของ BRN ที่การกระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์เจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องเข้าไปจัดการกับพวกแนวคิดสุดโต่งพวกนี้
ในส่วนของมวลชน ที่ปัจจุบันยังคงมีประชาชน 60 - 70% ของในพื้นที่ ที่รัฐจะต้องดูแลให้ความปลอดภัย โดยเฉพาะไทยพุทธที่ปัจจุบันอพยพย้ายถิ่นออกนอกพื้นที่ยังคงมีอยู่แค่ ประมาณ 10% หรือประมาณไม่ถึง 100,000 คนเท่านั้น. ฝ่ายรัฐต้องดูแลสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย