มาริษ เผยเร่งแก้ปัญหาชายแดนเมียนมา เน้นไม่กระทบคนไทยในพื้นที่

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.05 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงถึงผลการประชุม หลังเป็นประธานประชุม “คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา” ว่า ครั้งนี้ เป็นการมาทบทวนว่าสิ่งที่เราคุยกันไปในการประชุมครั้งที่หนึ่ง มีความคืบหน้ามากน้อยประการใด เราได้บูรณาการจัดตั้งความร่วมมือของหน่วยราชการทุกหน่วยที่จะให้มาทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความไม่สงบในประเทศเมียนมาร์เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนชาวไทยในพื้นที่ นี่เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล

นายมาริษกล่าวว่า ตนได้ย้ำเรื่องสำคัญกับทุกหน่วยงานกับเป้าหมาย ประการแรกคือยุตติความรุนแรงจากการสู้รบในเมียนมาโดยเร็ว เราไม่อยากเข้าไปแทรกแซง ตามกรอบความร่วมมือของประเทศอาเซียนตั้งไว้ แต่อย่างไรก็ตามความไม่สงบจะต้องไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนขาวไทย

ประการที่สอง ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีผลกระทบกับประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยเฉพาะ การต้มตุ๋นออนไลน์ ได้มีการหารือกัน โดย คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ปชด.) เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นกลไกหลักที่จะบังคับใช้และควบคุม เพื่อจัดระเบียบในพื้นที่ ในส่วนของการปราบปรามยาเสพติดก็จะเข้มงวดมากขึ้น ทั้งควบคุมสารตั้งต้นและบูรณาการการปราบปรามและจับกุมให่มากขึ้น

ประการที่สาม คือการเร่งแก้ไขปัญหาข้ามแดนที่ส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชน และรวมถึงที่มีปัญหาในเรื่องของสารปนเปื้อน ซึ่งทุกหน่วยงานก็ได้บูรณาการร่วมกันในตรงนี้ โดยตนได้ติดต่อและพูดคุย กับรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาด้วยตนเองแล้ว ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำ และการเตรียมพร้อมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ในการขุดลอกแม่น้ำสายและน้ำลวก และเพิ่มมาตรการกวดขันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและชายแดน

มีอีกเรื่องหนึ่งที่เราพยายามให้ความช่วยเหลือซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนคือการให้ความช่วยเหลือเรื่องมนุษยธรรมกับประเทศเมียนมา ทั้งในเรื่องของการศึกษา แก่กลุ่มเปราะบาง และปัญหาทางด้านสาธารณสุข นอกจากการหารือระหว่างสองประเทศแล้วตนก็จะนำเรื่องนี้ไปหารือในกรอบของกลุ่มภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

เมื่อถามถึง สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ซึ่งเชื่อกันว่าต้นทางมาจาก พื้นที่ของชนกลุ่มน้อย นายมาริษกล่าวว่า อย่างที่ตนบอกว่าจะต้องคุยกันแบบบูรณาการ ไม่ใช่แค่คุยกับรัฐบาลเมียนมา แต่เป็นการคุยกับหลายๆกลุ่ม และตนทราบต้องมีความร่วมมือกันในหลายๆเรื่อง และเพราะว่าผู้ที่เข้าไปทำงานก็ไม่ใช่คนเมียนมา ก็เข้าใจ แต่ขอให้ได้คุยกันให้ชัดเจนก่อน

เมื่อถามว่าต้องคุยกับจีนด้วยใช่หรือไม่ นายมาริษกล่าวว่า อย่างที่เรียนว่าตนคุยกับทุกฝ่าย

นายมาริษกล่าวอีกว่า การประชุมที่จะเกิดขึ้นที่อาเซียนก็จะมีการคุยกันด้วย หลายคนกังวลเรื่องสถานการณ์สู้รบที่มากขึ้น เราก็จะคุยกับในกรอบของอาเซียนด้วย อย่างที่ตนเรียนว่า เราจะต้องให้ บทบาทของประเทศอาเซียน โดยเฉพาะมาเลเซียซึ่งตอนนี้เป็นประธานอาเซียนได้มีบทบาทร่วมกับเรา แต่ทั้งหมดนี้เราจะต้องมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนให้อาเซียนช่วยกันแก้ ปัญหาของเมียนมา มีหลายประเด็นที่จะต้องคุยกันมากขึ้น โดยเป้าหมายสำคัญคือ constructive dialogue ถ้าเราจะแก้ปัญหาต้องเอาทุกคนมานั่งคุยกัน ทุกคนที่มีส่วนต้องเอาเข้ามาคุยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชนกลุ่มน้อย ตรงนั้นเป็นกรอบของอาเซียนก็ทำไป ในเรื่องของการแก้ปัญหาอย่างในเรื่องของสารปนเปื้อนตนก็จะไปคุยที่มาเลเซียด้วย ซึ่งก็จะมีคู่เจรจาของอาเซียนมาด้วย