ทนายเปิดข้อมูลขายข้าว 18.9 ล้านตัน สู้คดี “ยิ่งลักษณ์” ลุ้นไม่ต้องจ่ายหมื่นล้าน
GH News May 22, 2025 08:08 PM

วันที่ 22 พ.ค.68  นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า  จากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เปรียบเทียบกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง สิ่งที่เหมือนกัน คือ

“ตามคำสั่งของกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่มีคำสั่งให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ รับผิดในอัตราร้อยละ 20 ของเงินจำนวน 178, 586, 365,140  คิดเป็นเงินจำนวน 35,717,273.715.23 บาท อ้างว่า เป็นความเสียหาย จากผลการขาดทุนในการดำเนินการ โครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2555/56 และ 2556/57 บาท นั้น ในส่วนนี้ทั้งสองศาลเห็นตรงกันว่า “ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน กขช. ยังไม่ถึงขนาดที่จะเป็นการจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงไม่ต้องรับผิด ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ.2539 มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 ”

ในส่วนที่แตกต่าง และเพิ่มเข้ามา คือในส่วนของศาลปกครองสูงสุดที่ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งระบุว่า เป็นความเสียหายที่เกิดจาก การทุจริตในขั้นตอน “ของการระบายข้าวแบบ รัฐต่อรัฐ (G TO G )

1. ในขั้นตอนการระบายข้าว นั้น จะเห็นได้ว่า อยู่ในส่วนขั้นตอนของฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในขณะนั้น เป็นประธานอนุกรรมการฯ

2.ในคดีอาญาเกี่ยวกับคดีทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าว แบบรัฐต่อรัฐ( G TO G ) ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง นั้น จะเห็นได้ว่า ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ถูกฟ้องให้เป็นจำเลยในคดีดังกล่าวด้วย

3. ส่วนตามคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559  ที่ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โครงการรับจำนำ ปีการผลิต 2555/56 และ 25556/57 ในอัตราร้อยละ 20 ของ จำนวน 178,586,365,140 บาท นั้น ไม่ได้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวด้วยวิธีขายแบบรัฐต่อรัฐ (หรือG to G) มาเป็นฐานในการออกคำสั่ง ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในฐานะทนายความ จึงมีข้อสังเกตว่า

คำพิพากษาในส่วนนี้ ที่พิพากษาให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 10,000 กว่าล้านบาทนั้น เป็นการพิพากษาที่เกินคำขอหรือไม่

ที่ว่า “เกินคำขอหรือไม่” นั้น

ด้วยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวด้วยวิธีขายแบบรัฐต่อรัฐ (หรือG to G) นั้น มิได้ปรากฏเป็นฐานในการออกคำสั่ง ของกระทรวงการคลัง ตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ รับผิด

แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังที่มีการออกคำสั่งของกระทรวงการคลังแล้ว

อย่างไรก็ดี แม้ว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษา ให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน จำนวน หมื่นกว่าล้านบาท ก็ตาม

แต่หากพิจารณาตามคำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้ระบุไว้ว่า “ หากทางราชการมีการระบายข้าวได้ ในราคาที่สูงกว่าราคาที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีในโครงการรับจำนำข้าว นำมาคำนวณเป็นมูลค่าคงเหลือ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้นำมาหักคืนให้แก่ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ได้

เป็นที่ทราบกันดี ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีการรัฐประหาร มีข้าวคงเหลือในคลังหรือโกดัง ประมาณ 18.9 ล้านตัน หากขายข้าวในราคาตลาดตามปกติ จะได้ราคา ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม 25 บาท

ฉะนั้น ข้าว 18.9 ล้านตัน หากขายได้ในราคา กิโลกรัมละ 25 บาท จะเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักทอน กับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 10,000 กว่าล้านบาท ตามคำพิพากษา ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ฯ ไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้

แต่น่าเสียดายในรัฐบาลยุคก่อน ในช่วงปี 2558-2562 ได้นำข้าวดีไปจัดเกรดเป็น A, B ,C ขายข้าวดี เป็นข้าวเน่า ขายกิโลกรัมละ 3 บาท 5 บาทเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากเมื่อไม่นานมานี้ ท่านภูมิธรรมฯ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ได้ขายข้าวที่เก็บไว้ในโกดัง ที่จังหวัด สุรินทร์ แม้จะเป็นข้าวที่เก็บมาเป็นเวลา 10 ปี แล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถ ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 18 บาท

ปัจจุบัน ทราบว่า ข้าว 18.9 ล้านตันนั้น ได้มีการขายข้าว เสร็จสิ้นแล้ว ได้เงินประมาณ 140,000 กว่าล้านบาท ทีมทนายพยายามที่จะนำข้อเท็จจริงนี้เข้าสู่สำนวนในคดีนี้ แต่ไม่สามารถนำเข้าได้ เนื่องจาก ศาลปกครองสูงสุดได้กำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดจึงไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนนี้

การขายข้าว18.9 ล้านตันนั้น เป็นหลักฐานใหม่ ที่จะนำไปสู่การขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดี หรือมีคำสั่งชี้ขาดใหม่ได้ ภายใน 90 วัน ตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

พยานหลักฐานใหม่นี้ ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาพิพากษาในคดีนี้ เนื่องจากเป็นพยานหลักฐานที่เกิดหรือมีขึ้นภายหลังการสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงของศาลแล้ว เชื่อว่าพยานหลักฐานใหม่นี้ หากได้นำไปประกอบการพิจารณาคดีใหม่ หรือนำเงินที่ขายได้ไปหักทอนกับเงินจำนวน 10,000 กว่าล้านบาท ตามคำพิพากษาแล้ว จะทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญอย่างแน่นอน

ในส่วนนี้ ทีมทนายจะได้ดำเนินการยื่นต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ ภายใน 90 วัน ตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ เพื่อให้ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ได้รับความเป็นธรรม ทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ตามกระบวนการทางกฎหมายจนกว่าจะสิ้นกระแสความ

สุดท้ายนี้ ผมขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายให้ยุติการใส่ร้าย หรือนำเรื่องนี้มาโจมตีกัน และขอได้โปรดเห็นใจ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ซึ่งในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น จะเห็นได้ว่า ท่านก็ได้อุทิศตน ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหา มหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ หรือดำเนินโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน

จึงขอความเป็นธรรมให้กับท่านนายกยิ่งลักษณ์ด้วยครับ

 

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Norrawit Larlaeng

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.