กกต.ออกหมายเรียก ล็อต3 24 สว. พันคดีฮั้ว สว. เข้ารับทราบ-ชี้แจงข้อกล่าวหา 29-30 พ.ค.นี้ ด้าน นิรัตน์-ชินโชติเชื่อเรียกทุกคน ด้านอธิบดีดีเอสไอ ลั่นไม่หวั่นเจอ ตอ ขวางทำคดี ลั่นทำตามอำนาจหน้าที่ ยันพร้อมถูกตรวจ สอบหลัง สว.ยื่น ป.ป.ช. ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วน ภูมิธรรม ชี้คดีฮั้ว เป็นกระบวนการทางกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับพรรคร่วมฯ ยัน เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ยังแน่นปึ๊ก ไม่มีแตกแยก
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกหมายเรียก สว.เข้ารับทราบ และชี้แจงข้อกล่าวหา ในคดีฮั้วเลือก สว.เป็นล็อตที่ 3 ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ค.68 จำนวน 24 คน ประกอบด้วย 1. นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด จังหวัดปัตตานี กลุ่ม 3 การศึกษา 2. นายสามารถ รังสรรค์ จังหวัดสตูล กลุ่ม 3 การศึกษา 3. นายบุญชอบ สระสมทรัพย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่ม 4 สาธารณสุข 4. นายวันชัย แข็งการเขตรจังหวัดอุทัยธานี กลุ่ม 4 สาธารณสุข 5. นางสาวอมร ศรีบุญนาค จังหวัดชัยนาท กลุ่ม 5 ทำนา 6. นายพิมาย คงทัน จังหวัดบึงกาฬ กลุ่ม 5 ทำนา 7. นายสาลี สิงห์ดำ จังหวัดสุรินทร์ กลุ่ม 5 ทำนา 8. นางสาวมาเรีย เผ่าประทาน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่ม 6 ทำสวน 9. นายอิสระ บุญสองชั้น จังหวัดศรีสะเกษ กลุ่ม 6 ทำสวน 10. นางสาววิภาพร ทองโสด จังหวัดเลย กลุ่ม 7 พนักงานหรือลูกจ้าง 11. นายชวภณ วัธนเวคิน จังหวัดตราด กลุ่ม 7 ลูกจ้าง 12. นายชินโชติ แสงสังข์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่ม 7 ลูกจ้าง 13. นายประกาสิทธิ์ พลซา จังหวัดเลย กลุ่ม 7 ลูกจ้าง 14. นายนิรัตน์ อยู่ภักดี จังหวัดชัยภูมิ กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ 15.นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม จังหวัดพิจิตร กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ 16. นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ กทม. กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ 17. นายสัมพันธ์ ชัยวิเศษจินดา จังหวัดราชบุรี กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อมและอสังหาริมทรัพย์ฯ 18. นางเบ็ญจมาศ อภัยทอง จังหวัดพิจิตร กลุ่ม 9 SMEs 19. นางวรรษมนต์ คุณแสน จังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่ม 9 SMEs 20. นายชัยธัช เพราะสุนทร จังหวัดฉะเชิงเทรา กลุ่ม 9 SMEs 21. นายพิชาญ พรศิริประทาน จังหวัดยะลา กลุ่ม 9 SMEs 22. นายนิทัศน์ อารีย์วงศ์สกุล จังหวัดอ่างทอง กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่น 23. นายสุนทร เชาว์กิจค้า จังหวัดกระบี่ กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่น 24. นายโสภณ มะโนมะยา จังหวัดสงขลา กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามบุคคลที่มีรายชื่อข้างต้น โดยนายนิรัตน์ อยู่ภักดี สว. เปิดเผยว่า ตนเองได้รับหมายเรียกจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ไปชี้แจงในวันที่ 29-30 พ.ค.68 ทั้งนี้ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด และคิดว่าเขาคงเรียกไปทั้งหมด เพราะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายใด หากเรียกคนหนึ่งแล้วไม่เรียกอีกคนหนึ่งก็จะถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง
ขณะที่นายชินโชติ แสงสังข์ สว. กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกจาก กกต.เช่นกัน ทั้งนี้ตนคิดว่าเขาอาจจะดูที่คะแนนที่ได้รับจากการเลือกมา เพราะคะแนนของตนเองสูงอันดับหนึ่งรองจากน.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ทั้งนี้คิดว่าน่าจะเรียกทุกคน แต่ล็อตนี้ไม่มีคนเด่น ๆ เป็นคนธรรมดามาก เพราะคนเด่นๆ ไปหมดแล้ว เพื่อดูว่าใครให้ข้อมูลดี แก้ข้อกล่าวหาได้ ก็ดีจะได้บริสุทธิ์ไปเลย อย่างไรก็ตามตนจะเดินทางไปกกต.ในวันที่ 29 พ.ค. เวลา 10.00 น.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพบ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมายให้กำกับดูแลดีเอสไอว่า วันนี้ พ.ต.ต.ยุทธนา ได้มารายงานว่ามีภารกิจอะไรบ้าง รวมถึงความคืบหน้าการทำหน้าที่ของดีเอสไอ ซึ่งมีทั้งเรื่องคดีเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม และเรื่องดิไอคอน
เมื่อถามว่า ดีเอสไอได้รายงานความคืบหน้าคดีฮั้ว สว.หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นไปอย่างที่สื่อทราบ มีคดีฟอกเงิน รวมถึงคดีอั้งยี่ ซึ่งดีเอสไอรับผิดชอบ ส่วนเรื่องคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ที่สื่อใช้เรียกนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งความคืบหน้าก็กำลังเดินหน้าไป ทั้งนี้ ตนได้ให้นโยบายให้ดีเอสไอทำตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ และทำหน้าที่ให้ถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย ทำอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า ดีเอสไอได้รายงานเส้นทางการเงินที่เชื่อมถึงนักการเมือง และพรรคการเมืองด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าไปดูในรายละเอียด และตนได้บอกอธิบดีดีเอสไอว่า ไม่อยากทราบรายละเอียด เช่น มีทีมงานรัฐมนตรีไปขอสำนวน ตนก็บอกว่าไม่มีนะ ไม่เคยไปก้าวก่ายอะไรแบบนี้ ให้ดีเอสไอว่าไปตามระเบียบข้อกฎหมาย
เมื่อถามว่า ดีเอสไอได้แจ้งความคืบหน้าหรือไม่ว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาแก่บรรดา สว.ได้เมื่อใดนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ไปซักรายละเอียดกับอธิบดีดีเอสไอขนาดนั้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของสำนวน เขาพร้อมอย่างไรก็ทำหน้าที่กันไป ตนไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งเขามีหน้าที่ตามกฎหมายก็ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า นายชูศักดิ์จะทำหน้าที่ตามกฎหมายโดยไม่เอาการเมืองมาเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็ถูกต้อง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย ดีเอสไอก็มีกฎหมายของเขากำกับดูแลอยู่ กกต. ก็มีกฎหมายของเขา เขาก็ว่าไปตามกฎหมาย ข้อสำคัญทุกองค์กรต้องทำไปตามกฎหมาย ให้ทำอย่างเที่ยงธรรม และตรงไปตรงมา ตนก็ว่าจะจบ ซึ่งดีเอสไอก็มีการรายงานความคืบหน้าตนมาว่าอะไรไปถึงไหน แต่รายละเอียดตนไม่ได้เข้าไปดู และไม่ใช่เฉพาะคดีฮั้ว สว. คดีอื่นๆก็รายงานมา
ส่วน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีกลุ่มคณะสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 22 คน ลงนามร่วมกันยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนคดีเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ว่า เรื่องนี้ตนไม่มีความกังวล เพราะได้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และตามอำนาจหน้าที่ และตนพร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า หลายเรื่องที่ ดีเอสไอ ทำอยู่ มีเรื่องใดที่หนักใจหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ไม่มีเรื่องไหนที่หนักใจ เพราะเราทำเป็นรูปคณะของคณะกรรมการสอบสวน และมีพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และเราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า มีคดีไหนที่คิดว่าน่าจะเจอตอบ้างหรือไม่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวเราะก่อนกล่าวว่า ทุกเรื่องที่ทำ เราทำไปตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กฎหมาย ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ป.ป.ช. เคยเรียกไปชี้แจงบ้างหรือไม่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ก็มีหนังสือให้เราไปชี้แจง ซึ่งเรามีฝ่ายกฎหมายรวบรวมเอกสาร เพื่อประกอบการชี้แจงอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า วันที่ 30 พ.ค.นี้ จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เข้าไปอีก 3 คน กังวลหรือไม่ พ.ต.ต. ยุทธนา กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเราดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เรามีอยู่
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงคดีฮั้ว สว.ว่า หลายคนมองว่าเป็นความขัดแย้งทางการเมือง แต่สำหรับตนมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นกระบวนการทางกฎหมาย ก็ว่าไปตามกระบวนการ เมื่อมีผู้ร้อง กระบวนการก็นำไปสู่การตรวจสอบ
เมื่อถามว่า สถานการณ์ปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย จะต้องคุยกันอย่างใกล้ชิดกันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย พร้อมยืนยัน ขณะนี้พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมีความร่วมมือเป็นอย่างดี ความใกล้ชิดก็ยังเป็นปกติ เหมือนเริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาล เราไม่คิดว่าเป็นความแตกแยก หรือต่างสี
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีรับจำนำข้าวว่า ควรเคารพกระบวนการยุติธรรม และไม่สมควรแสดงความเห็นล่วงหน้า หากผลตัดสินออกมาในทางที่ดีก็ถือเป็นการสะท้อนถึงความบริสุทธิ์และความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าผลออกมาไม่เป็นคุณ ก็เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรย้อนดูว่า มีจุดใดที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อบทบาทของอดีตนายกฯ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของความดีใจหรือเสียใจส่วนตัว แต่อยู่ที่ว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ข้อเท็จจริงปรากฏอย่างไร และจะนำไปสู่ความเข้าใจของสังคมในภาพรวมมากน้อยแค่ไหน
ที่ศาลปกครองสูงสุด ศาลนัดออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่ กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท
ในคดีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากศาลปกครองกลางในขณะนั้น เห็นว่า กระทรวงการคลังยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้กรณีจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท