หมื่นล้านแลกตั๋วกลับบ้าน? ยิ่งลักษณ์กับคำพิพากษาจุกอก
GH News May 23, 2025 09:07 PM

วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทย ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าวกว่าหมื่นล้านบาท คืออีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย


เพราะไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็น “สัญญาณ” ที่อาจหมายถึง จุดจบของความหวังในการกลับบ้านของอดีตผู้นำหญิง ที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2560

ย้อนคดีดัง “จำนำข้าว”ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยน

โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในปี 2554 ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและเปิดช่องให้เกิดการทุจริตอย่างร้ายแรง


ปี 2557 หลังรัฐประหาร คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด


ปี 2560 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 5 ปีไม่รอลงอาญา (คดีอาญา)


ปี 2567 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง 10,028 ล้านบาท (คดีละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ)


แม้คดีอาญาและแพ่งจะแยกกัน แต่ผลทางการเมืองกลับ เชื่อมโยงกันโดยตรง โดยเฉพาะประเด็น “การเดินทางกลับประเทศไทย”

การกลับบ้านที่อาจไม่มีวันเกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจเตรียมกลับประเทศไทย คล้ายกรณีของ “พี่ชาย” อย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่กลับไทยในปี 2566 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และภาพลักษณ์ใหม่ของพรรคเพื่อไทย


แต่คำพิพากษาล่าสุดจากศาลปกครองสูงสุด ดูจะ “ดับฝัน” นั้นไปอย่างสิ้นเชิง

เพราะต้องเผชิญกับ “ภาระทางการเงิน” มหาศาล และยังมีโทษจำคุกจากคดีอาญารออยู่ แรงต้านจากฝ่ายตรงข้ามจะยิ่งรุนแรงหากรัฐหรือพรรคเพื่อไทยเอื้อต่อการกลับมา

การกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ใช่แค่ประเด็นกฎหมาย แต่คือ เดิมพันทางการเมืองระดับประเทศ เพราะจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล

หากประชาชนมองว่ามีความพยายาม “ล้มล้างคำพิพากษา” หรือ “อุ้มกันเองในพรรค” ความน่าเชื่อถือจะลดลงทันที โดยเฉพาะในกลุ่มกลาง ๆ ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด


แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากบางฝ่ายว่าคำพิพากษานี้เป็น “การเมืองแฝงกฎหมาย” แต่ในอีกด้านหนึ่ง หลายฝ่ายก็ชื่นชมว่าเป็น บรรทัดฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ผู้นำระดับสูงก็ต้องรับผิดหากก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ นายกรัฐมนตรีเองก็มีหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการทุจริต ถ้ารู้แล้ว “ไม่จัดการ” ก็ต้องรับผิดทางละเมิด

ในเชิงเทคนิคกฎหมายนางสาวยิ่งลักษณ์ยังสามารถ “กลับไทย” ได้ หากยอมรับโทษจำคุก และยอมจ่ายค่าปรับมหาศาล

แต่ในทางการเมืองและภาพลักษณ์สาธารณะ การกลับมาครั้งนี้จะไม่ใช่การกลับมาเงียบ ๆ แน่นอน เพราะมันคือการ “เปิดศึกใหม่” ทั้งในรัฐสภาและบนท้องถนน

ผลสะเทือนในพรรคเพื่อไทยผลสะเทือนในพรรคเพื่อไทย: หลีกหนียังไงก็ไม่พ้น


ถึงผู้บริหารพรรคเพื่อไทยรุ่นใหม่จะพยายามขยับตัวออกจากภาพจำ “พรรคชินวัตร” แต่เมื่อคำพิพากษาแบบนี้ออกมา ทุกสปอตไลต์ก็หันมาจ้องจับท่าทีของพรรคทันที


คำถามที่ทุกคนอยากรู้ คือพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้ยิ่งลักษณ์กลับมาหรือไม่? จะช่วยจ่ายค่าปรับหรือรับผิดแทนหรือไม่? หรือจะพยายาม “นิ่ง” เพื่อให้เรื่องจบไปเงียบ ๆ?


แต่ไม่ว่าเลือกเส้นทางไหน ความเคลื่อนไหวทุกก้าวมีเดิมพันทางการเมืองสูงลิ่ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า “ฝ่ายค้าน” จะหยิบคำพิพากษานี้มาเป็นหมัดเด็ดในการโจมตีรัฐบาลแน่นอน โดยเฉพาะหากมีท่าที “ช่วยเหลือ” อดีตนายกฯ อย่างไม่เป็นธรรม

ขณะเดียวกัน ประชาชนเองก็กำลังตั้งคำถามว่า... “ทำไมคนบางกลุ่มทำผิดแล้วกลับมาสบาย ๆ ในขณะที่ประชาชนธรรมดาติดคุกแม้แค่ขโมยของชิ้นเล็ก?”

บทสรุปสุดท้าย “เส้นทางกลับบ้านที่ไม่เหมือนเดิม”


จากอดีตนายกหญิงผู้เคยได้รับเสียงเลือกตั้งถล่มทลาย สู่ผู้ลี้ภัยการเมือง


จากคำตัดสินจำคุกในคดีอาญา สู่คำสั่งปรับหมื่นล้านจากศาลปกครอง


จากความหวังจะกลับบ้าน กลายเป็นคำถามว่า “จะยังมีบ้านให้กลับอีกหรือเปล่า?”


ในปี2568 นี้ ชื่อของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อาจไม่หายไป แต่ภาพการกลับบ้านอย่างสมศักดิ์ศรี คงห่างไกลกว่าที่ใครหลายคนเคยฝันไว้ 
     
#ยิ่งลักษณ์ #คดีจำนำข้าว #ศาลปกครองสูงสุด #การเมืองไทย #เพื่อไทย #อดีตนายกรัฐมนตรี #ลี้ภัยการเมือง #ความยุติธรรมไทย

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.