ท่องเที่ยวของบเพิ่ม 3 พันล้าน ดันยอดโลว์ซีซั่นระลอกใหญ่ อัด 500 ล้านปั๊มหัวใจตลาดจีน
SUB_BUA May 25, 2025 08:47 AM

ท่องเที่ยวดิ้น ! ขอแบ่งงบขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3 พันล้านบาทปั๊มโมเมนตัมโลว์ซีซั่น บูม 3 โครงการกระตุกตลาดระลอกใหญ่ ปูพรมด้วยแคมเปญ “สวัสดี หนีห่าว” เรียกเชื่อมั่นตลาดจีน จากนั้นทุ่มอีก 500 ล้านหนุนแอร์ไลน์บูสต์ตลาดจีน พร้อมอัด 800 ล้านทำ Joint Promotion ร่วมกับแพลตฟอร์ม OTA กระตุ้นนักเดินทางกลุ่มเอฟไอที ตามด้วย “เที่ยวคนละครึ่ง” อีก 1.7 พันล้านปลุกตลาดในประเทศ ประคองรายได้รวมถึง 3 ล้านล้านบาท

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 นั้นกระทรวงการท่องเที่ยวฯเตรียมของบฯเพื่อมากระตุ้นการท่องเที่ยวจำนวน 3,180 ล้านบาท เพื่อดำเนิน 3 โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1.โครงการกระตุ้นตลาดจีนร่วมกับสายการบินในจีน โดยให้การสนับสนุนทั้งเที่ยวบินประจำ (Regular Flight) และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight)

2.สนับสนุนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) โดยอุดหนุนค่าธรรมเนียมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว มีตัวชี้วัดผ่านจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา และ 3.โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 1 ล้านสิทธิ ภายใต้งบประมาณ 1,780 ล้านบาท

“สรวงศ์” ระดมแผนขับเคลื่อน

รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ประชุมหารือหน่วยงานในสังกัด เพื่อนำเสนอแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท โดยแต่ละหน่วยงานร่วมเสนอแนวทางและโครงการที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งด้านการท่องเที่ยวและกีฬา

เช่น โครงการกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, แผนพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบเทคโนโลยีของกรมการท่องเที่ยว, โครงการอบรมอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬา (อสทก.) ของสำนักงานปลัดกระทรวง ฯลฯ

โดยในที่ประชุมรัฐมนตรี ได้ย้ำถึงความสำคัญของการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างงาน และเสริมความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกีฬาไทยอย่างยั่งยืน

“งบประมาณ 3,180 ล้านบาทที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯขอจัดสรรมานั้น เบื้องต้นจะถูกนำไปใช้ใน 3 โครงการหลักคือ 1.โครงการกระตุ้นตลาดจีนร่วมกับสายการบินในจีน โดยให้การสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ Charter Flight รวม 500 ล้านบาท สนับสนุนแพลตฟอร์ม OTA ราว 800 ล้านบาท และทำโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศ จำนวน 1 ล้านสิทธิ ใช้งบประมาณ 1,780 ล้านบาท” รายงานข่าวระบุ

จัดใหญ่ “สวัสดี หนีห่าว” เรียกเชื่อมั่น

สำหรับโครงการกระตุ้นตลาดจีนนั้น นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชน เพื่อเร่งฟื้นตลาดผ่านแคมเปญใหญ่ “สวัสดี หนีห่าว” ในรูปแบบการจัด Mega Fam Trip เชิญผู้ประกอบการนำเที่ยว อินฟลูเอนเซอร์ และสื่อจีนกว่า 600 ราย จากทุกมณฑลเดินทางเยือนไทยในช่วงระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2568 ภายใต้งบประมาณ 20 ล้านบาท

โดยตั้งเป้าหมายไว้ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ฟื้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของประเทศไทยในสายตาคนจีน ผ่านประสบการณ์จริง 2.ปรับมุมมองใหม่ด้านแหล่งท่องเที่ยว โดยเน้นสุขภาพ วัฒนธรรม และความยั่งยืน และ 3.สร้างเครือข่ายทางธุรกิจผ่านกิจกรรม B2B Matching ระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีน

“ในงานนี้จะมีกิจกรรมหลักคือ การจัดงานฟอรัมการท่องเที่ยวไทย-จีน, พิธีเปิดระดับชาติ ซึ่งจะมีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยร่วมเป็นประธาน และกิจกรรม Post Trip ในเมืองหลักและเมืองรอง 5 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ, พระนครศรีอยุธยา, ระยอง, นครปฐม และพัทยา เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์จริง และถ่ายทอดมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทยผ่านโซเชียลมีเดียจีน” นางสาวภัทรอนงค์กล่าว

ทั้งนี้ คาดหวังว่าแคมเปญ “สวัสดี หนีห่าว” ซึ่งเป็นอีเวนต์ใหญ่สำหรับตลาดจีนนี้ จะสร้างการรับรู้ได้กว่า 350 ล้านคน-ครั้ง เกิดการนัดหมายทางธุรกิจกว่า 5,000 นัดหมาย และน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทโฮลเซลขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของจีนก็เข้ามาปรึกษากับ ททท.สำนักงานปักกิ่ง เพื่อจะพาเอเย่นต์มาสำรวจตลาดท่องเที่ยวในไทย เพราะไทยเป็นตลาดอันดับต้น ๆ เมื่อนักท่องเที่ยวหายก็กระทบผู้ประกอบการเหล่านั้นเช่นกัน

ขอ 500 ล้านหนุนชาร์เตอร์ไฟลต์

นอกจากนี้ ยังขอรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณราว 500 ล้านบาท สำหรับสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) จากทุกมณฑลของสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยตรง ในรูปแบบการส่งเสริมตลาดร่วม หรือ Joint Promotion โดยให้การสนับสนุนกับเที่ยวบินที่มีการการันตีผู้โดยสาร และอัตราบรรทุก (Load Factor) ไม่น้อยกว่า 85% ต่อเที่ยว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ทรัพยากร

ขณะเดียวกันรัฐบาลยังเตรียมแผนกระจายเที่ยวบินจากสายการบินระหว่างประเทศ เข้าสู่เมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ ที่กำลังเผชิญข้อจำกัดด้านสลอตเที่ยวบิน โดยอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับสนามบินและสายการบินต่าง ๆ

“เราเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัย โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลนักท่องเที่ยวในทุกมิติ ควบคู่กับการใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย กระตุ้นให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี” นางสาวภัทรอนงค์กล่าว

เดือน เม.ย.จีนยังติดลบกว่า 40%

นางสาวภัทรอนงค์กล่าวด้วยว่า ข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18 พฤษภาคม 2568 รวม 13.41 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 6.32 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีนยังมีจำนวนสูงสุดอันดับ 1 จำนวน 1,829,439 คน

“จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 นี้ ตลาดนักท่องเที่ยวยังติดลบเฉลี่ยที่ 29.9% และหากดูเฉพาะเดือนเมษายน นักท่องเที่ยวจีนยังอยู่ในภาวะชะลอตัวในระดับ 46.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” นางสาวภัทรอนงค์กล่าวและว่า โดยมี 5 ปัจจัยหลักที่เป็นอุปสรรค ได้แก่ ภาพลักษณ์ความปลอดภัยของไทย, เศรษฐกิจจีนยังฟื้นไม่เต็มที่, จำนวนเที่ยวบินจีน-ไทยยังมีปริมาณต่ำกว่าก่อนโควิด, การแข่งขันรุนแรงจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์

อัด 800 ล้านกระตุ้นกลุ่ม FIT

นางสาวภัทรอนงค์กล่าวต่อไปว่า ไม่เพียงเท่านั้น ททท.ยังมีแผนของบประมาณอีกจำนวน 800 ล้านบาท สำหรับส่งเสริมตลาดในรูปแบบ Joint Promotion ร่วมกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ (OTA) ชั้นนำกว่า 20 ราย ทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในกลุ่ม FIT หรือกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบายในการวางแผนการเดินทาง

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้จักและโปรโมตประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผ่านการทำตลาดในรูปแบบที่มีความครอบคลุม ทั้งในด้านการจัดโปรโมชั่นและการนำเสนอแพ็กเกจที่ตอบโจทย์กับความต้องการของนักท่องเที่ยว

“งบประมาณนี้จะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่า GP หรือค่าส่วนแบ่งที่ธุรกิจโรงแรมไทยต้องจ่ายให้กับ OTA ซึ่งเป็นการลดข้อจำกัดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก” นางสาวภัทรอนงค์กล่าวและว่า ททท.เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะสร้างแรงกระตุ้นให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้

เท 1.7 พันล้าน “เที่ยวคนละครึ่ง”

สำหรับแผนการกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทย หรือคนไทยเที่ยวในประเทศนั้น ล่าสุดนายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงได้นำเสนอขอประมาณราว 1,760 ล้านบาท สำหรับทำโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” โดยเบื้องต้นให้การสนับสนุน 1 ล้านสิทธิ โดยรัฐบาลจะสมทบค่าโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ในสัดส่วน 40-50% (ตามพื้นที่เมืองหลัก-เมืองรอง)

โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยสร้างเงินสะพัดทั้งในฝั่งของรัฐบาลและประชาชนผู้ใช้สิทธิไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท และผลักดันให้รายได้จากตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศในปีนี้ได้ถึง 1.17 ล้านล้านบาทตามเป้าหมาย

ปรับ KPI มุ่งเพิ่มรายได้ต่อหัว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ปรับเป้าหมายด้านการท่องเที่ยว โดยหันไปเน้นสร้างรายได้รวมมากกว่าจะเน้นจำนวนนักท่องเที่ยว หรือวัด KPI จากปริมาณนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ต้องสูงขึ้น เพื่อสะท้อนคุณภาพและการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว

โดยข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ของปี 2568 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมลดลงประมาณ 0.3-0.4% แต่ในด้านรายได้จากภาคการท่องเที่ยวพบว่าเติบโตขึ้นกว่า 5% หรือกว่า 952,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สะท้อนถึงพฤติกรรมการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีคุณภาพมากขึ้น

ลดเป้าต่างชาติเหลือ 35.5 ล้านคน

ขณะที่นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า จากผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ล่าสุด ททท.คาดว่าปี 2568 นี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 35.5 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2567 มีรายได้จากตลาดต่างประเทศประมาณ 1.83 ล้านล้านบาท เติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบกับฐานรายได้ 1.67 ล้านล้านบาทของปี 2567

ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทยนั้น ประเมินว่าจะมีจำนวน 205 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.17 ล้านล้านบาท ทำให้เป้าหมายรายได้รวมทั้งตลาดในและต่างประเทศปีนี้อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท เท่ากับรายได้รวมเมื่อปี 2562 จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39 ล้านคน และมีรายได้รวม 3.5 ล้านบาท

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.