สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าการจบอันดับ 6 ของแอสตัน วิลลา ทำให้ชวดไปเตะยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ถือเป็นความเสียหายทางการเงินอย่างยิ่งต่อสโมสร โดยอ้างอิงจากผลประกอบการล่าสุดใน ฤดูกาล 2022-23 และ 2023-24 วิลลา ขาดทุนรวมกัน 206 ล้านปอนด์ เป็นการขาดทุนมากที่สุดเมื่อเทียบกับ นิวคาสเซิล ที่ขาดทุน 84 ล้านปอนด์, ฟอเรสต์ ขาดทุน 57 ล้านปอนด์ และ เชลซี ที่มีกำไร 59 ล้านปอนด์
แม้ว่า วิลลา จะมีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในฤดูกาล 2024-25 (หลังจากมีรายได้ 276 ล้านปอนด์ในปี 2023-24) แต่รายรับของพวกเขายังตามหลังทีมบิ๊ก 6 อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล, ท็อตแนม และเชลซี
ตั้งแต่เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2019 วิลลาภายใต้เจ้าของใหม่ เวส อีเดนส์ และนาส ซาวิริส ลงทุนซื้อนักเตะไปแล้วกว่า 868 ล้านปอนด์ และเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น สตีฟ บรูซ, ดีน สมิธ, สตีเวน เจอร์ราร์ด และ อูไน เอเมรี แต่ต้องแลกมาด้วยรายจ่ายที่สูงมาก
เรื่องดีคือเงินทุนซื้อนักเตะนั้นย้ายมาจากกระเป๋าของเจ้าของในรูปแบบของหุ้น แทนที่จะกู้ยืมซึ่งจะทำให้ทีมมีภาระจ่ายดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามแม้ว่าเงินค่าตัวนักเตะเป็นหนี้ที่ต้องกู้ยืมซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในพรีเมียร์ลีก แต่วิลล่าเป็นหนี้ค่าตัวนักเตะอยู่ก่อนมากกว่า 150 ล้านปอนด์ ถ้าได้ไปแชมเปียนส์ลีกจะหมายถึงรายได้อย่างน้อย 100 ล้านปอนด์ ซึ่งจะเอื้อต่อการทำธุรกิจอย่างมาก แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ