นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์ เวทีสุดยอดอาเซียน พร้อมนำขับเคลื่อนการเงินสีเขียว-รับมือสภาพภูมิอากาศ-พลังงานสะอาด-เร่งทำกรอบข้อตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล เน้นผนึกกำลัง รับรองเอกสาร9 ฉบับ
เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 26 พ.ค.2568 (ตามเวลาท้องถิ่น กรุงกัวลาลัมเปอร์ เร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) ที่ศูนย์การประชุม Kuala Lumpur Convention Center (KLCC) กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 ภายใต้หัวข้อ “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง และยั่งยืน” (Inclusivity and Sustainability) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ว่า การประชุมจัดขึ้นในช่วงเวลาที่ภูมิทัศน์โลกกำลังเปลี่ยนไปสู่นโยบายที่แข็งกร้าวและมุ่งผลประโยชน์ตอบแทน ถอยห่างจากแนวทางความร่วมมือพหุภาคีไปสู่การปฏิบัติฝ่ายเดียว
มาตรการด้านภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพลวัตทางการค้าโลก และต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของอาเซียนโดยรวม พัฒนาการดังกล่าวได้ท้าทายบรรทัดฐานโลก ทำให้อาเซียนต้องประเมินยุทธศาสตร์ของอาเซียนอีกครั้ง เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นร่วมกัน
ทั้งนี้ ขอบคุณต่อความพยายามของนายกฯมาเลเซีย ในการส่งเสริมจุดยืนอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน และเพื่อรับมือกับภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อาเซียนจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร และทำงานร่วมกันมุ่งสู่การบูรณาการระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อให้อาเซียนยังคงมีบทบาทความสำคัญ ที่น่าดึงดูด และแข่งขันได้
จึงต้องมีการสนับสนุนการค้าภายในอาเซียน ใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ให้เต็มที่ พิจารณาจัดทำ FTA กับภาคีใหม่ ควบคู่กับส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบ MSMEs เพื่อให้สามารถต่อสู้กับความท้าทายในอนาคตได้
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยืนยันว่าประเทศไทยสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อระบบการค้าพหุภาคีที่โปร่งใส เสรี ยุติธรรม และมีกฎเกณฑ์ที่คาดเดาได้ โดยไทยจะเร่งรัดการจัดทำกรอบข้อตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล Digital Economy Framework Agreement (DEFA) ให้เสร็จภายในปี 2568 เพื่อปลดล็อกการเติบโตครั้งใหม่ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในอนาคต แสดงให้เห็นว่าอาเซียนไม่หยุดนิ่งในการแสวงหาความก้าวหน้า ควบคู่กับการตอบสนองต่อภูมิทัศน์ของการค้าและการลงทุนระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
นอกจากนี้ เพื่อให้บรรลุการบูรณาการที่มีประสิทธิผล อาเซียนต้องส่งเสริมกลไกการเจรจาจากทั้งภายในและภายนอกที่ตรงไปตรงมา ครอบคลุม สร้างสรรค์ และมุ่งเน้นที่การแก้ปัญหา ผ่านการเสริมสร้างความเป็นศูนย์กลางและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่มีพื้นฐานที่มั่นคง ยึดมั่นตามหลักการของอาเซียน
การให้ความสำคัญในเรื่องเดียวกัน และขับเคลื่อนในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของพลเมืองอาเซียนอย่างแท้จริง ซึ่งไทยจะยังคงส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างแข็งขัน โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับครอบครัวและหุ้นส่วนอาเซียน เพื่อให้แน่ใจว่าอาเซียนจะบรรลุถึงการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมและยั่งยืนที่สะท้อนอยู่ในหัวข้อของอาเซียนในปีนี้
นายกฯ กล่าวว่า เพื่อสร้างอนาคตที่ครอบคลุมสำหรับภูมิภาคอาเซียน ประชาคมอาเซียนจะต้องเน้นที่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนอาเซียนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และต้องเพิ่มความพยายามเพื่อปกป้องความมั่นคงของมนุษย์ในทุกมิติ
ทั้งด้านสุขภาพและความมั่นคงทางอาหาร การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะยาเสพติด การหลอกลวงทางออนไลน์ หมอกควันข้ามพรมแดน และภัยพิบัติต่างๆ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าการคุ้มครองประชาชน ไม่อาจล้าช้าได้
ขณะเดียวกัน อาเซียนควรริเริ่มส่งเสริมเครื่องยนต์ตัวสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตของอาเซียนร่วมกัน เช่น ภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นประโยชน์ต่อภาคส่วนต่างๆ ของสังคมอาเซียน และความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน ปรับปรุงแนวทางปฎิบัติในการเดินทางระหว่างกัน และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลายร่วมกัน ตามข้อริเริ่มของไทยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในอาเซียน
นอกจากนี้ อาเซียนควรมุ่งเน้นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนในทุกภาคส่วน และในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืน พร้อมกันสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมความยั่งยืนสำหรับอนาคต และในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานของอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อผลักดันอาเซียนสีเขียว ให้มีความยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต
ประเทศไทยจะแสดงบทบาทนำขับเคลื่อนอาเซียนสู่เป้าหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในความปรารถนาอาเซียน ที่ระบุไว้ใน “วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ. 2045” (ASEAN Community Vision 2045) โดยเน้นเรื่องการเงินสีเขียว การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงานสะอาด และการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล
นายกฯ กล่าวว่า ยินดีที่ได้ร่วมนำ วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ. 2045 มาขับเคลื่อนอาเซียนไปสู่อนาคตร่วมกัน และเชื่อว่า วิสัยทัศน์ใหม่นี้ จะทำให้อาเซียนเติบโต ที่นำไปสู่สันติสุข ความเป็นหุ้นส่วน และก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ภายหลังการประชุมผู้นำอาเซียน ยังได้ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ 9 ฉบับ ได้แก่
1.ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการครบรอบ 10 ปี ของการจัดตั้งประชาคมอาเซียน (KL Declaration on the 10th Anniversary of the Establishment of the ASEAN Community)
2.ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา (KL Declaration on ASEAN 2045: Our Shared Future)
3.วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045 “อาเซียนที่เข้มแข็ง มีนวัตกรรม มีพลวัติและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” (ASEAN Community Vision 2045: “Resilient, Innovative, Dynamic and People-Centred ASEAN”)
4.แผนยุทธศาสตร์ประชาคม การเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community Strategic Plan)
5 แผนยุทธศาสตร์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Strategic Plan)
6.แผนยุทธศาสตร์ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community Strategic Plan)
7.แผนยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงอาเซียน (ASEAN Connectivity Strategic Plan)
8.กรอบความยั่งยืนสำหรับเศรษฐกิจสร้างสรรค์อาเซียน (ASEAN Creative Economy Sustainability Framework)
9.ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยความมุ่งมั่นเพื่อความมั่นคงและการพึ่งพาตนเองด้านยา (ASEAN Declaration of Commitment on ASEAN Drug Security and Self-Reliance: ADSSR)