“ภูมิธรรม” มอบ “ผบ.ทบ.”ลงพื้นที่ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สั่ง “ห้ามเผชิญหน้า-ใช้ความรุนแรง” ยัน ฝ่ายนโยบายเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ขอ อย่าพูดเรื่องดินแดน ขยายความทำบานปลาย
เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทางกัมพูชามีการโพสต์ภาพพร้อมสนับสนุนการขนอาวุธหนักประชิดชายแดน ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความเข้าใจผิดของทุกฝ่าย ที่ต่างฝ่ายมีการพูดถึงจุดที่แต่ละฝ่ายมีการรุกล้ำดินแดนเข้ามา โดยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้คุยกับที่ปรึกษาจอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน และได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ซึ่งหลักการที่พูดคุยคือไม่อยากให้มีการเผชิญหน้า และไม่อยากให้มีการพูดคุยเรื่องดินแดนในเวลานี้
ทั้งนี้ ตนได้คุยกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.แล้ว ขณะที่ พล.อ.สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีของเราแล้ว และวันนี้ทางผบ.ทบ.ทั้งสองฝ่ายได้นัดหมายพูดคุยกันเวลาประมาณ 15.00 น. โดยสั่งให้ถอยจากจุดที่เผชิญหน้ากันฝ่ายละ 200 เมตร แล้วทาง พล.อ.พนา จะเข้าไปดูสถานที่จริงก่อน ดังนั้น ถ้าต่างฝ่ายต่างพูดเรื่องแผนที่จะลำบาก เพราะเป็นสถานการณ์ที่มีเรื่องความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากฝ่ายเขาเสียชีวิต
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ดูข้อเรียกร้องของสมาคมนักข่าวทั้ง 2 ประเทศ ที่ไม่อยากให้เกิดเหตุบานปลาย เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันแล้ว โดยจะเริ่มต้นจากการให้เกิดสันติภาพ ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 รับรู้หลักการที่สั่งการไปหมดแล้ว ว่า อย่าทำอะไร และให้อยู่ในที่ตั้ง เพราะสถานการณ์คุกรุ่น ทั้งสองฝ่าย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถยุติเรื่องได้ให้พูดคุยกันชัดเจนแล้วค่อยมาแก้ปัญหา ซึ่งทั้งสองฝ่ายรับทราบตรงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีข้อตกลงร่วมกันแล้ว และถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามข้อตกลงจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปดูก่อนว่า ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรและมีปัญหาตรงไหน จึงได้มอบนโยบายให้ ผบ.ทบ.ไปชัดเจนแล้ว โดยกำชับอย่าเผชิญหน้าอย่าให้เกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งระดับนโยบายของทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันเพื่อจะหาทางออกร่วมกันให้ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอสื่ออย่านำเสนอข่าวให้เกิดความบานปลาย