เดือด! พริษฐ์ โต้รื้อรั้วบ้าน พิเชษฐ์ ยกนิ้วชี้ฉากหลังบัลลังก์ ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน
ข่าวสด May 29, 2025 01:20 PM

เดือดแต่เช้า! พริษฐ์ โต้ไม่ได้รื้อรั้วบ้าน ปมงบปรับปรุงสภา พิเชษฐ์ ชี้นิ้วให้ดูฉากหลังบัลลังก์ ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน อีก 100 ปีค่อยทำหรือ ย้ำ สภาเป็นศักดิ์ศรีของประเทศ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 พ.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2

โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ขอใช้สิทธิ์พาดพิง จากที่นายพิเชษฐ์กล่าวถึงตนเมื่อคืนที่ผ่านมาในการอภิปรายว่า ตนมี 4 ประการ คือ 1.นายพิเชษฐ์พยายามจะสื่อว่าตนมีเจตนาในการไปจุดกระแสหรือว่ารื้อรั้วบ้าน จากการตรวจสอบคำของบประมาณของสภาฯ

ขอยืนยันว่าเจตนาไม่ใช่เป็นการรื้อรั้วบ้าน ตนทำหน้าที่ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง ซึ่งเรามีวาระในการตรวจสอบคำของบประมาณของทุกหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับประชาธิปไตย ไม่ได้เพ่งเล็งมาที่งบประมาณของสภาแห่งเดียว

2.นายพิเชษฐ์ย้ำอยู่หลายรอบว่า งบประมาณยังไม่ผ่านสภายังไม่มีการใช้จ่าย ตนคิดว่าคำพูดนั้นเป็นการพูดความจริงที่ยังไม่ครบถ้วน จริงอยู่ที่งบประมาณปรับปรุงศาลาแก้ว ปรับปรุงห้องงบประมาณ การก่อสร้างอาคารที่จอดรถ อาจจะยังไม่ได้มีการใช้จ่ายจริง

แต่มีงบส่วนหนึ่งที่ทางสภาได้เตรียมใช้จ่ายไว้แล้ว มีการโอนงบประมาณบางส่วนจากงบ 67 จากโครงการอื่นเตรียมไว้แล้ว คืองบประมาณในการออกแบบอาคารที่จอดรถมูลค่า 105 ล้านบาท มีการดำเนินการคัดเลือกบริษัทที่จะมาทำ ถึงขั้นประกาศผู้ชนะการคัดเลือกไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ตอนนี้ที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา เพราะมีบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องเข้ามาทักท้วง เนื่องจากมีการเปิดเวลาในการรับข้อเสนอสั้นเพียงแค่ 10 วัน

3.นายพิเชษฐ์พูดประมาณว่า งบประมาณยังไม่ผ่านสภาจะทุจริตได้อย่างไร ขอชี้แจงว่าการทุจริต การเอื้อพวกพ้อง ไม่ใช่ความเลวร้ายอย่างเดียวที่เกี่ยวข้องกับการจะทำงบประมาณ แต่การตั้งโครงการที่ไม่จำเป็น ตนคิดว่าก็เป็นความเลวร้ายอีกรูปแบบหนึ่งของการจัดทำงบประมาณ เพราะเป็นการนำภาษีของพี่น้องประชาชนมาใช้กับเรื่องไม่ได้เร่งด่วน และไม่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด

เช่น การตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ มูลค่า 133 ล้านบาท มีการทำคำขอเข้ามาในงบปี 69 จากทางสภาฯ ถึงแม้จะมีการคัดเลือกที่โปร่งใสอย่างไร ได้ผู้รับเหมาที่ราคาดีอย่างไร แต่ในมุมมองของตนไม่ควรจะใช้เงินสักบาทจากภาษีพี่น้องประชาชนในการตกแต่งฉากหลังมูลค่า 133 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้ทำให้การประชุมสภาฯ ของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น

และ 4.นายพิเชษฐ์ได้กล่าวทิ้งท้ายเมื่อคืน มีสื่อหลายสำนักไปเขียนคำพูดว่า ท่านพริษฐ์เก่งจริงให้ไปตรวจสอบงบประมาณกระทรวงอื่น ก็ต้องบอกว่าตนทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่แล้ว ตรวจสอบงบประมาณของพี่น้องประชาชนทุกบาททุกสตางค์และมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยรับงบประมาณไหน หัวหน้าส่วนราชการจะเป็นใคร

แต่ตนต้องย้ำว่าในฐานะสส. ตนจะมีความชอบธรรมอะไรในการไปตรวจสอบงบประมาณของกระทรวงอื่น ของหน่วยงานอื่น ถ้าหน่วยงานต้นสังกัดของตนยังถูกบอกว่าตั้งงบประมาณที่ไม่สมเหตุสมผล จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตนถึงให้ความสำคัญกับการตรวจสอบงบประมาณของสภา แต่ไม่ได้ละเลยตรวจสอบหน่วยงานอื่นด้วยมาตรฐานเดียวกัน

“เมื่อวานท่านบอกว่า สิ่งที่ผมทำหน้าที่ไปอาจจะทำให้สภาเสียหาย ผมยืนยันว่าการตั้งคำถามของผมในฐานะตัวแทนประชาชน ไม่ทำให้สภาเสียหาย แต่ถ้าผู้บริหารสภา ไม่สามารถตอบคำถามที่ประชาชนสงสัยได้อย่างดีเพียงพอ จนทำให้ประชาชนหมดข้อสงสัยว่าการพิจารณางบของสภานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ นั่นต่างหากที่จะทำให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้เสียหาย” นายพริษฐ์ กล่าว

ทำให้นายพิเชษฐ์ ตอบโต้ทันทีว่า ตนต้องขอบคุณท่านอดีตประธานรัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ที่ได้กล้าหาญตั้งงบประมาณสร้างรัฐสภาใหม่ จนมีที่อยู่อาศัยในวันนี้ ถ้าไม่มีนายชัยก็จะไม่มีสถานที่แห่งนี้ และตนต้องขอบคุณนายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา ที่ท่านกล้าหาญเข้ามาใช้สถานที่แห่งนี้ โดยที่ยังไม่ได้รับมอบ ใช้มาจน 5 ปี รวมถึงขอบคุณนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่ท่านกล้าหาญปรับปรุง ซ่อมแซม ต่อเติมสิ่งที่มันขาดไป

นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า งบประมาณสร้างรัฐสภาแห่งนี้ ที่จริงแล้ว 2 หมื่นกว่าล้านบาท แต่ถูกตัดงบประมาณ ซึ่งงบประมาณแต่ละกระทรวง ทบวง กรม หรือของรัฐสภา กว่าจะถูกบรรจุในเล่มงบประมาณ 20,000 กว่าหน้านี้ ยากลำบากที่สุด

ของรัฐสภาขอไป 10,000 กว่าล้านบาท อนุมัติมา 8,000 ล้านบาท แต่ก็ถูกตัด บางโครงการมีโครงการที่จะพัฒนาก็ไม่ได้เลยสักปี ฉะนั้น ความยากลำบากที่เราได้มาในฐานะที่เป็นผู้บริหารของรัฐสภา ตนยืนยันปกป้องงบประมาณของสภาเต็มที่

“ท่านพริษฐ์เป็นประธานกมธ.พัฒนาการเมืองฯ เรามีกมธ.ติดตามงบประมาณฯ เรามีกมธ.การตำรวจ มีกมธ.ป.ป.ช. ไม่มีปัญหาครับถ้าจะตรวจสอบงบประมาณ แต่ท่านเชิญเจ้าหน้าที่ของสภาไปชี้แจงงบประมาณของรัฐสภา ท่านเชิญเขาไป เขาเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ

ที่เลวร้ายที่สุดท่านไลฟ์สด และตอนเจ้าหน้าที่ตอบไม่ได้ แล้วท่านก็เป็นพระเอก เป็นวีรบุรุษในโซเชียล แล้วท่านก็ตัดต่อ ตัดตอน เอาไปลงใน Tiktok YouTube เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ เสียหายขนาดไหน

กมธ. 35 คณะ ไม่มีคณะไหนที่ไลฟ์สดทุกนัด ก่อนจะไลฟ์สดประชุมกมธ.ต้องขออนุญาตที่ประชุม ปกติกมธ.ถ้าจะเผยแพร่ข้อมูลได้ ต้องมีรับรองบันทึกการประชุมก่อน ถึงจะเผยแพร่ได้ ท่านรับผิดชอบได้หรือไม่ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ทัวร์ลงเจ้าหน้าที่สภา เขาแทบจะแทรกแผ่นดินหนี อันนี้คือตัวอย่าง ผมไม่อยากจะตำหนิท่าน” นายพิเชษฐ์ กล่าว

นายพิเชษฐ์ กล่าวย้ำว่า ขอให้บริสุทธิ์ในการทำงานเพื่อประชาชน ท่านก็ไปเป็นกมธ.วิสามัญสิ ไปพิจารณาในห้องงบประมาณของสภา

นายพิเชษฐ์ ชี้นิ้วไปที่ฉากหลังบัลลังก์ แล้วกล่าวว่า แล้วฉากหลังบัลลังก์นี้ ท่านดูสิครับ ปกติมีงบประมาณอยู่แล้ว แต่ถูกตัดไป ท่านดูสิครับ ปูนเปลือยอยู่อย่างนี้นะครับ แล้วมีเส้นขีดอยู่เต็มไปหมด ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน ไปทำรุ่นลูกรุ่นหลานอีก 100 ปีหรือ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรถ้าไม่ทำ แต่มันเป็นศักดิ์ศรีของรัฐสภา ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร ถ้ามันสวยมันดี เป็นหน้าเป็นตา เป็นเกียรติ

“วันนี้สภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาที่เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีของประเทศ เป็นอันดับสองของโลก ถ้าทำที่จอดรถครบแล้วจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ใหญ่ที่สุด วันนี้ท่านไปเดินดูสิครับท่านพริษฐ์ เดินดูรอบสภาเลยครับ เดินดูวัดแก้วฟ้า ไปดูห้างสุพรีมสิครับ เต็มไปหมดครับ ไม่มีที่จอดรถครับ” นายพิเชษฐ์ กล่าว

นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ท่านตรวจสอบได้ตลอดเวลา แต่เราจะต้องพัฒนาสมัย ที่สภาเก่าอู่ทองใน มีโรงถ่ายภาพยนตร์บรรจุได้ 100-200 คน เด็กนักเรียน ชาวบ้านเขามาเยี่ยมชมสภา ก็ฉายหนังให้ดู หนังประชาธิปไตย ประวัติความเป็นมาของรัฐสภา

วันนี้จะทำเป็น 4D ที่ทันสมัย เพื่อรองรับคนที่มาเยี่ยมชม แขกบ้านแขกเมือง งบแค่ 8,000 ล้านบาท ฝ่ายนิติบัญญัติได้แค่เท่านี้ แต่ตนอยากจะให้เข้าใจว่าเราตั้งใจ อันไหนที่ชำรุดทรุดโทรม ไปดูเสาไม้สัก 4-5 ปีมานี้ เริ่มผุกร่อนแล้ว ถ้าไม่ตั้งงบประมาณบำรุงรักษาก็ใช้การไม่ได้

จากนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ล่วงเกินทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณของกระทรวงอื่น เพราะพันธกิจของเราคือการพัฒนาการเมือง เรื่องการถ่ายทอดสดกมธ.ทุกครั้ง เราดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่ได้มีการแจ้งมาจากทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นนโยบายของผู้บริหารสภามาอีกทีหนึ่ง ทุกครั้งมีการขอมติรับรองเป็นหลักฐานไว้แล้ว

ส่วนที่บอกว่าตัดต่อคลิปลงโซเชียล ตนก็รีบเปิดดูของตน ไม่มีการตัดต่อคลิปสั้นไปลงในโซเชียลมีเดียเลย และตนยืนยันมาตลอดว่า ข้อดีอย่างหนึ่งของการถ่ายทอดสด คือการดูคลิปเต็มได้ ไม่ใช่มีการถ่ายแค่บางส่วนของที่ประชุม แล้วเอามาลง

ส่วนที่บอกว่าเชิญเจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อย ตนเชิญเลขาธิการสภาฯ มา และครั้งแรกมีการมอบหมายหัวหน้าส่วนของสำนักแผนนโยบายมา แต่เขาตอบไม่ได้ว่ารายละเอียดของโครงการเป็นอย่างไร รอบที่สองถึงมีการเชิญเลขาธิการสภาฯ และมีการมอบให้หัวหน้าส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องมา

“ความจริงวันนั้นผมก็เอะใจแล้ว ผมเห็นว่าเรื่องมันใหญ่ตั้งแต่ต้น ผมก็เลยถามไปว่าเชิญท่านประธานกับท่านรองที่เกี่ยวข้องมาด้วยเลยดีหรือไม่ แต่ได้รับแจ้งว่าท่านรองที่รับผิดชอบในส่วนนี้ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ไม่เช่นนั้น ผมก็จะเชิญทางผู้บริหารมาแล้ว ซึ่งน่าจะตอบข้อสงสัยของผมให้ดีที่สุด

และถ้าไปย้อนฟังวันนั้น ผมก็พูดชัด หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชี้แจง เพียงแต่ผมก็รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เชื่อตามที่ชี้แจงหรอก เพราะเขาไม่ได้เป็นต้นคิดของโครงการ เขาแค่มาชี้แจงและปกป้องตามหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายมา” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ท่านอาจจะภูมิใจว่าสภาของเราใหญ่ที่สุดของ โลก แต่ตนอยากจะบอกว่ามีงานวิจัยหนึ่งที่เขาเขียนมาว่า ยิ่งห้องประชุมสภาในประเทศไหนมีขนาดใหญ่ มักจะเป็นประเทศที่คะแนนประชาธิปไตยไม่ค่อยสูงมากนัก ขนาดของห้องประชุมจึงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องที่จอดรถ ตนก็ย้ำตลอดไม่ได้บอกว่าที่จอดรถมันเพียงพอแล้ว แต่แค่ผิดระเบียบตามที่กฎหมายกำหนด

“ท่านมาพาดพิงผม ผมเลยต้องพูดในสภา แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะยื่นใบสมัครเป็นกมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณปีนี้ และจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ จะทำให้ทุกคนเห็นว่าห้องประชุมที่เราใช้กันอยู่ 2-3 เดือน ไม่ได้มีอะไรที่เป็นปัญหาที่ต้องปรับปรุงถึง 120 ล้านบาท” นายพริษฐ์ กล่าว

ทำให้ นายพิเชษฐ์ ชี้แจงอีกครั้งว่า “ผมอยู่ต่างประเทศ ตั้งใจไว้ว่าเดี๋ยวจะหาเบอร์โทรท่าน แล้วจะเชิญท่านพริษฐ์ และท่านภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน เดินไปกับผม และนักข่าวทุกช่อง งบ 69 ผมจะอธิบายให้หมด และข้อผิดพลาดเรื่องที่จอดรถ ไม่ใช่ข้อผิดพลาด เป็นการตัดลดงบประมาณลงมา ดังนั้น เพื่อให้ก่อสร้างได้ เขาก็ตัดงบในส่วนที่ยังมีอนาคตที่จะทำได้ออกไป เพราะฉะนั้น เราตรวจสอบอดีตได้”

นายพิเชษฐ์ ได้เปิดคลิปภาพศาลาแก้วที่มีปัญหา พร้อมกล่าวว่า ศาลาแก้ว วันนี้เปลือยอยู่นิดหนึ่ง และไม่มีใครเดินเข้าไป ซึ่งอนุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 7 จะมาตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างศาลาแก้ว 2 หลัง

ซึ่งวันที่เราเปิดอนุสาวรีย์ สภาพนี้อยู่ไม่ได้ ถึงต้องออกแบบให้มีน้ำพุ รั้วรอบขอบชิด ติดแอร์ให้แขกผู้มีเกียรติเข้ามาอยู่ ทุกวันนี้ไม้เปลือยๆ เริ่มพุพังลงมาแล้ว เป็นความจำเป็น ฉะนั้น ต้นปีหน้าต้องเปิดแล้ว ลานสักการะทั้งหลายต้องจัดให้เรียบร้อยทั้งหมด

“เชิญท่านพริษฐ์ ไปเดินกลับผม ทุกอย่างชี้แจงท่านหมดในเรื่องของสภาของเรา อย่างไรเราก็ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น” นายพิเชษฐ์ กล่าว

  • “พิเชษฐ์” เดือดลุกแจงปมงบสภา 8,000 ล้าน ลั่นแค่นี้ “จะรื้อรั้วบ้านตัวเองทำไม”
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.