เมื่อวันที่ 30 พ.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศ ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สั่งระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราวในวันพฤหัสบดี (29 พ.ค.) โดยอนุมัติให้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีผลบังคับใช้ต่อไปได้ หลังจากที่ศาลการค้ามีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันระบุว่า จะระงับคำตัดสินของศาลการค้าไว้ชั่วคราว เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์ของฝ่ายรัฐบาล และสั่งให้โจทก์ในคดีนี้ตอบกลับคำสั่งศาลอุทธรณ์ภายในวันที่ 5 มิ.ย. และสั่งให้ฝ่ายรัฐบาลตอบกลับภายในวันที่ 9 มิ.ย.
สำหรับเอกสารที่รัฐบาลทรัมป์ยื่นต่อศาลอุทธรณ์นั้น กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการทางการทูตของรัฐบาล และแทรกแซงอำนาจเฉพาะตัวของปธน.ทรัมป์ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ รัฐบาลจึงร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศเป็นการชั่วคราว ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอุทธรณ์อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (28 พ.ค.) ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในกรุงนิวยอร์กมีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ โดยศาลวินิจฉัยว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต เนื่องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐให้อำนาจแก่รัฐสภาในการกำหนดกฎเกณฑ์ด้านการค้ากับประเทศอื่น ๆ โดยไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดี
คำตัดสินของศาลการค้าได้ยับยั้งการเก็บภาษีพื้นฐาน 10% จากสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก แต่ไม่รวมภาษีที่เรียกเก็บตามกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์