(30พ.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" และสื่อในเครือเนชั่น ในโอกาสเดินทางมาอวยพรวันครบรอบ 55 ปี เนชั่นกรุ๊ป และ 25 ปี เนชั่นทีวีถึงข้อสงสัยว่า "นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต" จะยังอยู่หรือไม่
อดีตนายกฯทักษิณ ระบุว่า งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเดิมกำหนดไว้สำหรับแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ต้องมีการปรับเปลี่ยนเนื่องจากผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ทำให้งบประมาณส่วนนี้ถูกโยกไปสำรองเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูง
ส่วนการเดินหน้าแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 จะยังแจกต่อหรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันว่า นโยบายนี้ยังต้องดำเนินต่อ แต่จะรอให้สถานการณ์เศรษฐกิจเอื้ออำนวยก่อน พร้อมย้ำว่า
“นโยบายที่สัญญากับประชาชนไว้ต้องทำให้ได้” แม้จะมีความล่าช้าบ้างก็ตาม เช่น รถไฟฟ้าค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย หรือดิจิทัลวอลเล็ต ที่แม้จะต้องทยอยดำเนินการแต่ต้องไม่ทิ้งคำมั่นสัญญา
สำหรับครึ่งปีหลัง นายทักษิณ แนะนำว่า รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง แต่การอุดหนุนแบบเดิมคงทำได้จำกัด เนื่องจากภาระหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่สูงมาก จึงต้องใช้มาตรการประกันราคาควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังชี้ถึงความท้าทายจากการแข่งขันสินค้านำเข้าจากจีนที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลต้องเร่งจัดการกับสินค้าลักลอบและสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด
ในส่วนของปัญหาหนี้ครัวเรือน นายทักษิณระบุว่า ขณะนี้มีการแก้ไขปัญหาไปแล้วราว 5 แสนราย จากผู้มีหนี้ทั้งหมดประมาณ 5 ล้านราย และคาดว่าจะสามารถบรรเทาปัญหานี้ได้ในปีนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวรับมือได้
สำหรับข้อเสนอการล้างหนี้ให้คนจนในสภาผู้แทนราษฎร นายทักษิณมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำแบบนั้นจริง ๆ เพราะอาจสร้างปัญหาทางศีลธรรม (Moral Hazard) รัฐจึงเลือกใช้กลไกจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเข้าช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบที่เหมาะสมแทน