มะกันลุยเก็บภาษีต่อ หลังศาลอุทธรณ์เบรกคำสั่งศาลการค้า พณ.ขอ 3 พันล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 2/2568 มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ว่า วันนี้มาติดตามความคืบหน้าเรื่องการท่องเที่ยวในช่วงควอเตอร์แรกว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรหลักประเทศเรา ที่มีรายได้การท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญมาก และอย่างที่ทราบว่างบ 1.57 แสนล้านบาท ไปลงเรื่องการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญด้วย และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เริ่มสวยงามขึ้น และปรับตัวขึ้น ทางสถานที่ท่องเที่ยว และเทคโนโลยีต่างๆ อะไรที่อัดฉีดเรื่องการท่องเที่ยวก็จะเกิดผล ที่เห็นได้ชัดที่เห็นได้ชัด
“ทั้งนี้ ประเทศไทยคนรู้จักอยู่แล้ว ต้องมาดูว่าจะมากระตุ้นกันต่อว่าจะทำอย่างไร มีเรื่องอะไรที่ใหม่ น่าท่องเที่ยว และมีกิจกรรมอะไรที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการท่องเที่ยว” น.ส.แพทองธารกล่าว
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า จากการติดตามสถานการณ์ และประเมินผลอย่างใกล้ชิด 5 ด้าน เรื่องการประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว, การอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว, โครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนท่องเที่ยว และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต จะเห็นว่าการท่องเที่ยวจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างบูรณาการถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ขอให้ทุกคนหากมีด้านไหนที่ขาดเหลือขอให้บอก และบูรณาการเพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
นายสรวงศ์ กล่าวว่า กระทรวงจะติดตามการประชาสัมพันธ์ภาคการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง ที่ของบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยขอทั้งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง นำตลาดจีนกลับมาพร้อมกับตลาดที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งโครงการเที่ยวคนละครึ่ง จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ส่วนเรื่องงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทำแพลตฟอร์มให้ผู้ประกอบการและคนไทยลงทะเบียนควบคู่กันไป คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยความคืบหน้าการยื่นโครงการของบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ว่า พณ.ยื่นขอรวม 3,006 ล้านบาท เป็นกรอบโครงการ และใช้งบเพื่อการขับเคลื่อนการส่งออก เพิ่มรายได้และแก้ปัญหาการเกษตร ลดภาระประชาชนและช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งจะได้รับความเห็นชอบอย่างไร ต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 6 มิถุนายนนี้
นายพิชัยกล่าวอีกว่า กรณีล่าสุดนโยบายปรับขึ้นภาษีของทรัมป์ ที่ศาลอุทธรณ์ (CAFC) ตัดสินแล้ว ให้รัฐบาลสหรัฐเก็บภาษีได้ต่อไป (Stay) นั้น ไม่แปลกใจ ซึ่งในสหรัฐเองมีหลายศาล และยังมีหลายมาตรการที่จะนำมาใช้ แม้เข้าสภาโหวตก็ผ่าน เพราะมีเสียงข้างมาก จากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และไม่ได้วางใจในทุกมิติ ยังเดินหน้า และเตรียมพร้อมในการเจรจาต่อไป ที่สำคัญคือเราต้องแสดงความจริงใจให้สหรัฐเห็นว่าในการเจรจาทุกด้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐได้ระงับการสั่งห้ามใช้มาตรการภาษีศุลกากรที่ครอบคลุมมากที่สุดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม หลังจากศาลการค้าระหว่างประเทศได้พิพากษาเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้าว่า ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการออกมาตรการดังกล่าว และมีสั่งให้ยุติการบังคับใช้ในทันที
ศาลอุทธรณ์สหรัฐแห่งเขตโคลัมเบียในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า ศาลได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าไว้ชั่วคราวเพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์ของรัฐบาล และสั่งให้โจทก์ในคดีดังกล่าวตอบกลับภายในวันที่ 5 มิถุนายน ขณะเดียวกันก็ให้ฝ่ายบริหารตอบกลับภายในวันที่ 9 มิถุนายน
คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศเมื่อวันพุธ สร้างความประหลาดใจให้กับรัฐบาลทรัมป์ แต่ได้รับเสียงตอบรับจากทั่วโลก เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบังคับใช้ภาษีต่อสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐ
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหารของทรัมป์กล่าวว่า ไม่หวั่นไหวกับคำตัดสินของศาล คาดว่าจะชนะการอุทธรณ์ หรืออาจใช้ช่องทางอำนาจอื่นของประธานาธิบดีเพื่อผลักดันให้มาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ ขณะที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ยืนยันว่าคำตัดสินยังไม่มีผลกระทบต่อการเจรจากับคู่ค้าสำคัญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ประเทศคู่ค้ากำลังเจรจากับเราอย่างจริงจังและพยายามบรรลุข้อตกลงก่อนช่วงพัก 90 วันจะสิ้นสุด ดังนั้นยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในท่าทีของพวกเขาเลย แม้แต่ใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา พรุ่งนี้เช้าผมก็มีคณะผู้แทนจากญี่ปุ่นชุดใหญ่มาพบที่สำนักงาน” นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวในรายการ Fox News
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนติดขัดเล็กน้อย และการจะบรรลุข้อตกลงสุดท้ายอาจต้องอาศัยการมีส่วนร่วมโดยตรงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เชื่อว่าอาจต้องโทรศัพท์หารือระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิง เมื่อพิจารณาถึงขนาด และความซับซ้อนของการเจรจา ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องหารือกัน ทั้ง 2 ผู้นำมีความสัมพันธ์ที่ดี มั่นใจว่าจีนจะยอมเจรจาเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน