วันที่ 31 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 4 เป็นวันสุดท้าย จากนั้นน .ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายโครงการซอฟต์พาวเวอร์มีภาพจำแค่กางเกงช้างว่า การสร้างการรับรู้โครงการซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลต่อประชาชน และต่างประเทศ ไม่ได้จำกัดแค่กางเกงช้างอย่างที่ถูกเสียดสี อย่างการจัดอีเวนต์ซอฟต์พาวเวอร์ในเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา จำเป็นต้องลงทุนเรื่องนี้ เพื่อช่วยยกระดับประเทศไทยให้เป็นที่จดจำของต่างประเทศ ดึงดูดคนมาร่วมงาน สามารถสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้ 4,000ล้านบาท ในเวลา 5วัน แสดงว่า การลงทุนซอฟต์พาวเวอร์ไม่สูญเปล่า อย่ามองแค่งบที่ใช้ลงทุนอย่างเดียว ให้มองผลทางเศรษฐกิจที่ตามมาด้วย เรื่องนโยบายซอฟต์พาวเวอร์นั้น หลายประเทศเดินทางมาหารือความร่วมมือเรื่องซอฟต์พาวเวอร์กับประเทศไทย และซอฟต์พาวเวอร์ไทยก็ไปปักธงในต่างประเทศไทย ขอให้เปิดหู เปิดตา เปิดใจ อย่าแค่เป็นฝ่ายค้านแล้วค้านทุกเรื่อง การผลักดันนโยบายซอล์ฟพาวเวอร์ แม้ไม่เห็นผลทันที ต้องใช้เวลา แต่วันนี้เราเริ่มลงมือทำแล้ว นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไม่ได้คิดใหญ่ ทำโคตรมั่วอย่างที่กล่าวหา แต่เราคิดใหญ่ลงมือทำ ไม่ใช่คิดเล็กคิดน้อย แต่ไม่ลงมือทำ
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงกรณีงบประมาณบริหารจัดการน้ำที่ถูกมองกระจายงบลงไปพื้นที่เฉพาะสส.ฝั่งรัฐบาลว่า ในฐานะประธานกรรมการนโยบายน้ำแห่งชาติ(กนช.)ยืนยันว่า การกระจายงบประมาณบริหารจัดการน้ำทำอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ตามความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ได้คำนึงถึงพื้นที่การเป็นสส.ตามที่ฝ่ายค้านอภิปราย ในภาคอีสานเป็นพื้นที่ใหญ่ รายได้ประชาชนน้อย ภาคการเกษตรจึงเป็นพื้นที่ต้องให้ความสำคัญกว่าภาคอื่น จริงอยู่แม้พรรคเพื่อไทยมีสส.ในพื้นที่นี้มาก แต่พื้นที่สส.พรรคประชาชน อยู่ในเขตเมืองหรือรอบกทม. จึงต้องแก้ไขเรื่องปัญหาอุทกภัย ส่วนเรื่องภัยแล้งอาจมีความจำเป็นน้อยลง ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญ กระจายงบทั่วถึงเป็นธรรม
ส่วนการใช้งบกลางแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ แทนการใช้งบปกตินั้น เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้งบกลางมีความจำเป็น เพราะเป็นการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที อย่างการขุดลอกหนองบึงที่มีความจำเป็นต้องทำให้เสร็จในกรอบเวลา 120วัน ส่วนที่มีการซอยงบประมาณในงบกลางไม่ให้เกิน 5แสนบาทต่อโครงการนั้น เนื่องจากการใช้งบกลาง มีจุดมุ่งหมายแก้ไขปัญหาทันท่วงทีในกรอบ 120วัน ในโครงการที่ต้องดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนการใช้งบปกติใช้แก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว