คืบทวงหนี้ แม่เลี้ยงเดี่ยว ตร.นัดไกล่เกลี่ยกลางสัปดาห์ พบประวัติลูกหนี้รายนี้มักใช้วิธีร้องเรียนเพื่อให้เจ้าหนี้ยอมโล๊ะหนี้ให้
GH News May 31, 2025 07:04 PM

คืบทวงหนี้ แม่เลี้ยงเดี่ยว ตร.นัดไกล่เกลี่ยกลางสัปดาห์ พบประวัติลูกหนี้รายนี้มักใช้วิธีร้องเรียนเพื่อให้เจ้าหนี้ยอมโล๊ะหนี้ให้

จากกรณีที่กลุ่มชายฉกรรจ์ราว 15 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้รายวัน บุกล้อมหน้าร้านลาบ ริมถนนสายท่าพระ–โกสุมพิสัย พื้นที่บ้านสว่างมรรคา ม.8 ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีปากเสียงรุนแรงกับเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 44 ปี จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 พ.ค.2568  ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ร้านลาบ จุดที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยพบกับ น.ส.รสสุคนธ์ อายุ 44 ปี เจ้าของร้านฯ

ซึ่ง น.ส.รสสุคนธ์ กล่าวว่า ตนเองเป็นผู้กู้เงินรายวันจากนายทุนรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่ามิตรแท้เงินหมุน โดยได้รับเงินจริง 4,500 บาท จากวงเงินกู้ 5,000 บาท และตกลงชำระวันละ 250 บาท เป็นเวลา 24 วัน แต่เมื่อเกิดปัญหาทางการเงินจากยอดขายตกต่ำ และขายเนื้อวัวไม่ได้จากข่าวสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์ จึงขอเลื่อนการชำระเป็นสิ้นเดือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เก็บเงินประจำยอมรับเงื่อนไขแล้ววันเกิดเหตุ ชายไว้หนวดเครา ซึ่งไม่เคยพบหน้ามาก่อน อ้างตัวเป็นเจ้าของเงิน เดินทางมาทวงหนี้ถึงหน้าร้าน พร้อมแสดงท่าทีไม่พอใจเมื่อเจ้าของร้านปฏิเสธการชำระในวันดังกล่าว และพยายามอธิบายว่าได้แจ้งเลื่อนชำระไว้แล้ว หลังการโต้เถียง ลูกหนี้จึงเดินเข้าไปในร้าน ซึ่งชายคนดังกล่าวได้เดินตามไปและโต้เถียงบังคับให้ไปยืมเงินคนอื่นมาจ่ายก่อน พร้อมกับผลักอกเจ้าของร้านพร้อมมีท่าทีคุกคาม ทำให้เจ้าของร้านรู้สึกไม่ปลอดภัยและหยิบมีดออกมาขู่เพื่อป้องกันตัว และได้ถือมีดไล่ออกจากร้านไป แล้วรีบเข้ามาในร้านตามเดิม โดยลูกๆได้มาเอามีดจากมือไป ก่อนที่ชายที่บอกเป็นเจ้าของเงินโทรศัพท์เรียกพวกมา เป็นชาย 16 คน หญิง 4 คน มาล้อมหน้าร้าน โดยมีลูกชายและลูกสาวที่อยู่ในร้านบันทึกคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน จึงเกิดการโต้เถียงอีกครั้งตามคลิป

"หลังเหตุการณ์เริ่มบานปลาย ได้โทรแจ้งตำรวจ สภ.ท่าพระ แต่ต้องรอนานถึง 40 นาที กว่าตำรวจจะเดินทางมาถึง ทั้งที่ร้านอยู่ห่างจากโรงพักเพียง 8 กิโลเมตร โดยต้องโทรถึง 3 ครั้ง เจ้าหน้าที่จึงมาถึงที่เกิดเหตุ จากนั้นมีการพูดคุยแนะนำให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ซึ่งตนได้ปฏิบัติตามทันที โดยขอให้คู่กรณีเดินทางไปด้วย แต่ทางเจ้าหนี้ปฏิเสธ พร้อมให้เหตุผลว่า หมดเวลางานแล้ว และปฏิเสธรับสายตำรวจที่พยายามติดต่อ ตอนนี้กังวลความปลอดภัยเพราะอยู่กับลูก 2 คน ลูกชาย ม.6 ลูกสาว ป.6 ทุกวันต้องกลับบ้านกลางคืน บางวันก็ไม่มีลูกค้าเลย พอมาเจอแบบนี้กลัวมาก กลัวจะถูกทำร้ายหรือถูกอุ้มหายไป และเมื่อวานช่วงเย็น มีรถกระบะหลายคันขับวนเวียนหน้าร้าน เปิดกระจกมองเข้าในร้าน แต่ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนหรือไม่ รวมถึงลูกค้าหลายคนก็ไม่กล้ามานั่งทานในร้านอีก โดยเปลี่ยนเป็นโทรสั่งแล้วให้ไปส่งที่รถแทน"

 น.ส.รสสุคนธ์ กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าตนเองเป็นหนี้หลายราย แต่ทุกรายสามารถเจรจาและไกล่เกลี่ยได้ ไม่มีใครเคยใช้พฤติกรรมคุกคามรุนแรงเช่นรายนี้ ซึ่งตนได้แจ้งขอชำระสิ้นเดือนล่วงหน้าแล้ว หากผู้ดูแลคนเดิมลาออกก็ควรโทรมาแจ้ง ไม่ใช่ใช้วิธีบุกถึงหน้าร้านในลักษณะเช่นนี้ และเรียกร้องให้ตำรวจเร่งเรียกตัวกลุ่มเจ้าหนี้มาดำเนินการเจรจาเพื่อความปลอดภัยของตนและลูกๆ และหนี้สินกับเจ้าหนี้รายนี้ยืนยันว่าจะจ่ายไม่ใช่ไม่จ่าย แต่ตอนนี้ขอจ่ายโดยมีการไกล่เกลี่ยกันต่อหน้าตำรวจก่อนเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย

ขณะที่ พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญวัฒน์ ผกก.สภ.ท่าพระ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตำรวจได้รับแจ้ง ทางชุดสายตรวจก็ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที โดยใช้เวลาเดินทางจาก สภ.ท่าพระ ไปที่เกิดเหตุประมาณ 15 นาที เนื่องจากระยะทางรวมแล้วประมาณ 7 กม.ซึ่งก็สมเหตุสมผล แต่ผู้แจ้งอาจจะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินจึงมองว่านาน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงก็พบว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ จึงได้ให้ทางผู้แจ้งมาแจ้งความที่ สภ.ท่าพระ  หลังรับแจ้งความแล้วก็ได้มีการกำชับพนักงานสอบสวนในส่วนของทางคดีให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และได้มีการนัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ยเงินหนี้สินดังกล่าวในวันพุธนี้ตามขั้นตอนต่อไป

"จากการตรวจสอบประวัติของเจ้าหนี้และลูกหนี้ พบว่าลูกหนี้รายนี้มีพฤติกรรมในลักษณะเป็นหนี้แล้วจะมีการร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือแจ้งตำรวจเพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้สิน ทำให้เจ้าหนี้บางรายยอมยกหนี้ให้หรือรับเงินเพียงครึ่งเดียวเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยไม่อยากให้เป็นเรื่อง และครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่ลูกหนี้รายนี้มีการร้องเรียน"

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.