อำเภอบ้านกรวด แนวชายแดนไทยฝั่งจังหวัดบุรีรัมย์ ประชาชนยังเดินเข้าออกปกติ ถึงแม้จะมีข่าวอาจปิดด่านไทย-กัมพูชา 16 แห่ง ขณะประชาชนฝั่งไทยระบุไม่อยากจะให้ประเทศพี่น้องต้องมาทะเลาะกันอยากอยู่กันแบบเหมือนที่เคยเป็น ชี้กระทบทั้งสองฝั่ง
วันที่ 31 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ภายหลัง เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บหลายนาย จนมีการการปลุกกระแสในโซเชียลมีเดีย ภายในประเทศกัมพูชา งดซื้อสินค้าของไทยทุกชนิดเพื่อเป็นการตอบโต้
ตามรายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานความมั่นคงของไทย ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน ที่ทำมาค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน กังวลจะเกิดการกระทบกระทั่ง จากกรณีดังกล่าว ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อประกาศปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย จุดผ่านแดนถาวร 6 แห่ง
1.ช่องสะงำ อ. ภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
2. ช่องจอม อ.กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
3.บ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
4.บ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดราชบุรี
5. บ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดราชบุรี
6. บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
จุดผ่อนปรนอีก 10 แห่ง ประกอบด้วย
1. ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
2. บ้านตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
3. บ้านหนองปลือ อำเภอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
4. บ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว
5. บ้าน ซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
6. บ้านบึงชนังล่าง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
7. บ้านสวนส้ม อำเภอสายดาว จังหวัดจันทบุรี
8. บ้านหมื่นดาน ตำบลบ่อพร้อย อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด
9. บ้านชมง ตำบลนนทรี อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด
10. ช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
รวมถึง จุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยว ช่องทางขึ้นเขาพระวิหาร อำเภอ กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และจุดผ่อนปรน ตาเมืองธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบว่าบรรยากาศทั่วไปยังปกติไม่มีความเคลื่อนไหวของหน่วยงานใด ซึ่งจากการสอบถาม
นายสำราญ เครือวัลย์ อายุ 70 เลขที่ 230/12 ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ อาชีพขับรถจักรยายนต์รับจ้างแนวชายแดน เล่าว่า ตอนนี้สถานการณ์ยังปกติดีประชาชนฝั่งประเทศกัมพูชา ยังเดินทางมาซื้อสินค้าของไทยทุกอาทิตย์เฉลี่ยอาทิตย์ละมากกว่า 1,000 คน
สินค้าที่ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นปุ๋ย ,ยารักษาโรค,สินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าเบ็ดเตล็ด เมื่อซื้อสินค้าก็จะขนข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา และยังมีอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มผู้ป่วยที่ข้ามเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
ส่วนตัวมองว่าไม่อยากให้มีเรื่องกันเพราะทั่งสองประเทศเหมือนพี่น้องกัน เมื่อถามว่าหากมีการปิดชายแดนจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ นายสำราญ บอกว่ากระทบแน่นอน และกระทบทั้งสองฝั่ง
เพราะพี่น้องชาวกัมพูชา จะขาดสินค้าจำเป็นหลายอย่างเพราะอยู่ห่างจากตัวจังหวัด ส่วนฝั่งไทยก็จะขายของไม่ได้ โดยเฉพาะเช่นพวกตนซึ่งมีอาชีพขี่รถรับจ้างซึ่งมีมากกว่า 80 คัน จากปกติจะมีรายได้วันละ 200-300 บาทก็จะไม่มีรายได้ หากเจรจากันได้ก็อยากให้อยู่กันเหมือนเดิมต่อไป