กระทรวงพาณิชย์ จับมือสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย และคณะกรรมการการค้าสวีเดน จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนมุมมองนโยบายทางการค้า กฎระเบียบข้อบังคับ ความร่วมมือด้านการค้าที่ยั่งยืน การค้าสีเขียว-ดิจิทัล-บริการ เพิ่มโอกาสทางการค้าการลงทุน
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย และคณะกรรมการการค้าสวีเดน จัดงานสัมมนาภายใต้หัวข้อ Sweden-Thailand Trade Dialogue: Freer, Cleaner & Smarter Trade in an Era of Rising Protectionism ที่ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนโยบายทางการค้า กฎระเบียบข้อบังคับของสหภาพยุโรป และประเด็นความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต
น.ส.โชติมา กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ มุมมอง ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะกับผู้เชี่ยวชาญจากสวีเดน ในประเด็นต่างๆ ได้แก่ ความร่วมมือด้านการค้าที่ยั่งยืน การส่งเสริมการค้าและการอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้นโยบายการค้าสีเขียวและการค้าดิจิทัล และบทบาทสำคัญของการค้าบริการและการค้าดิจิทัลในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือสถานการณ์การค้าโลกและประเด็นทางการค้าในปัจจุบัน โดยเห็นว่า การค้าสากลที่มีกฎเกณฑ์เป็นมาตรฐาน โดยเฉพาะภายใต้ WTO จะสร้างความเป็นธรรม และสร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับทั้งเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจขนาดเล็กสามารถบูรณาการเข้ากับตลาดโลกได้ ในขณะเดียวกัน ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป ที่อยู่ระหว่างเจรจา จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รวมถึงสวีเดนอีกด้วย
สำหรับการสัมมนาครั้งนี้ ได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้เข้าร่วมจากทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และวิชาการ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสามารถพัฒนาไปสู่ความร่วมมือในด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยกับสวีเดนอย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ปัจจุบันสวีเดน เป็นคู่ค้าอันดับที่ 42 ของไทย โดยในปี 2567 การค้าระหว่างไทยและสวีเดน มีมูลค่า 1,247.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสวีเดน มูลค่า 507.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากสวีเดน มูลค่า 739.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ กระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม