มีงานแสดงเข้ามือเรียงกันมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักร้องนักแสดงสาวมากฝีมือ ‘หญิง’ รฐา โพธิ์งาม เริ่มตั้งแต่ละคร “เรือนโชนแสง” ทางช่อง ONE 31 ตามด้วย “สายรักสายเลือด” ทางช่อง 3 และล่าสุดกับภาพยนตร์ “THE TUTOR พี่วรรณ มาสอน” อีกทั้งยังมีผลงานแสดงซีรีส์ที่กำลังถ่ายทำ
นอกจากนี้ยังมีแพลนหวนจับไมค์ทำเพลง โดยวันนี้มาฟังเจ้าตัวอัพเดตชีวิต พร้อมกับจุดมุ่งหมายในปีนี้ที่ต้องการทำ
อัพเดตผลงานหน่อย?
หญิง – “ตอนนี้มีละคร ‘สายรักสายเลือด’ ทางช่อง 3 และภาพยนตร์ ‘THE TUTOR พี่วรรณ มาสอน’ ที่เข้าฉายแล้ว นอกจากนี้ก็มีถ่ายซีรีส์อยู่ น่าจะได้ดูกันช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี และมีซีรีส์อีกเรื่อง น่าจะได้ดูปีหน้าเลยค่ะ”
งานเยอะมาก แบ่งเวลายังไง?
หญิง – “จริงๆ งานไม่ได้เยอะขนาดนั้น เพราะอย่าง สายรักสายเลือด ถ่ายจบพฤษภาคมปีที่แล้ว ส่วน เรือนโชนแสง ที่ออกอากาศต้นปีที่ผ่านมา ก็ถ่ายจบสักธันวาคมปีที่แล้ว คืองานออนใกล้ๆ กัน ดูเหมือนงานเยอะ แต่จริงๆ ไม่เยอะขนาดนั้น ปกติหญิงรับงานส่วนใหญ่ใน 6 เดือน จะรับเรื่องเดียวอยู่แล้ว
ส่วนหนัง THE TUTOR พี่วรรณ มาสอน รับไว้ตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว แล้วก็ได้ฉายปีนี้ ก็โชคดีปีนี้งานมันเรียงๆ กัน หลังจากที่เราไปเล่นเป็นเจ๊ออย ในซิตคอม (เสือ ชะนี เก้ง) อยู่ 5 ปี คือไม่ได้มาแตะละครยาวหรือภาพยนตร์เลย และพอซิตคอมหยุดไปได้สัก 2-3 ปี ก็เริ่มกลับมารับงานที่เป็นละครยาวมากขึ้น”
ในภาพยนตร์ “THE TUTOR พี่วรรณ มาสอน” คาแร็กเตอร์เป็นอย่างไร?
หญิง – “รับบทเป็นครูพี่วรรณ เป็นครูติวเตอร์สถาบันสอนการเรียน เป็นติวเตอร์สถาบันอันดับหนึ่ง ใครมาเรียนที่นี่ต้องประสบความสำเร็จ เข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ เพราะเราเป็นคนที่เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์มากๆ ตั้งใจอยากให้โรงเรียนติวเตอร์ประสบความสำเร็จต้องเป็นนัมเบอร์วัน แล้วก็มีความคาดหวังในตัวลูกศิษย์ตลอด วิธีการสอนก็จะเคี่ยวเข็ญ ต้องตี ต้องเข้มงวด แล้ววันนึงก็เจอเรื่องราวที่มากระทบความรู้สึกมากๆ จนสุดท้ายจบชีวิตตัวเองในติวเตอร์นั้น กลายเป็นเรื่องเล่าในติวเตอร์ว่ามีจิตวิญญาณหนึ่งที่ถ้าไปสมัครเรียนกับเขา ทุกคนจะสอบได้และประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วก็มีเจนฯนึงที่เข้ามาลองดี”
ทำไมถึงตัดสินใจเล่นเรื่องนี้?
หญิง – “หลักๆ คือผู้กำกับฯ (บัณฑิต ทองดี) รู้จักกัน ตอนแรกบอกว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ คือส่วนตัวเล่นหนังผีมาเยอะ ก็พูดกับตัวเองทุกครั้งว่าไม่เอาอีกแล้ว เพราะการเล่นหนังผีมันเหนื่อยกว่าหนังปกติ ต้องมีการแต่งหน้าแต่งเอฟเฟ็กต์ หรือสถานที่การถ่ายทำหรือมุมกล้องหรือวิธีการถ่ายจะเหนื่อยกว่าหนังทั่วไป
แต่หลักๆ เรารู้สึกว่าหลายๆ ครั้งที่เรารับบทภาพยนตร์ที่เป็นผีส่วนใหญ่มันไม่ค่อยมี stories LINE ของตัวผีเท่าไหร่ คือเวลาผีก็จะเป็นผี แต่เรื่องนี้มีเรื่องราวมี stories มันเป็นเรื่องอดีตของเราที่มีชีวิตอยู่ ดูเป็นผีที่มีที่มาที่ไปดี บวกกับตอนเด็กๆ หญิงเป็นตัวจี๊ดในกลุ่มที่ชอบเล่าเรื่องผีในโรงเรียน เลยอยากเล่น เพราะเรารีเลตในมุมของความรู้สึก ความเชื่อ เป็นความสนุกและท้าทาย และในมุมของการแสดงก็มีอะไรให้เล่นเยอะดี”
ทำการบ้านเยอะไหม?
หญิง – “มีค่ะ เพราะบางทีการเป็นครู ต้องเข้าใจว่าพอโจทย์เป็นหนังผี บางทีออกมาน่ากลัวอย่างเดียวไม่พอ หญิงเชื่อว่าครูทุกคนมีความหวังดี คือความเป็น Devil ในความเป็นผี มันต้องมีความเป็น Angel ด้วย ตีเพื่อให้ได้ดี ก็ต้องเก็บความรู้สึกมวลตรงนี้ไว้เยอะๆ ด้วยภาพของหญิงที่จะเข้ากับน้องๆ ไม่ได้เยอะ ซีนของหญิงจะอยู่หน้ากล้องบ้างอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นมันต้องมีมวลความรู้สึกนี้อยู่ตลอดเวลา ให้คนรู้สึกว่าความเป็นครูยังอยู่ถึงแม้สภาพร่างกายหรือสีผิวหรือทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว”
ความประทับใจในภาพยนตร์เรื่องนี้?
หญิง – “ประทับใจหมดเลย แต่ถ้าจะเอามุมการเป็นนักแสดง วันนั้นหญิงเล่นเป็นการฟาสต์แบ๊กกลับไป ต้องเล่นกับนักเรียนหลายๆ คน ซึ่งบางคนเป็นน้องๆ ในกองเข้ามาร่วมเล่น โดยพื้นฐานเขาไม่ใช่นักแสดง แต่พอเขาต้องมานั่งฟังเรากระแทกๆ พูดจาไม่ดีใส่ แล้วเขาร้องไห้ สั่งคัตแล้วเขาก็ยังร้องอยู่ ร้องไม่หยุด หญิงก็เลยเดินไปกอดเขาแล้วบอกว่าโอเคมันจบแล้วๆ อันนี้คือสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันทำให้หญิงเข้าใจในตัวพี่วรรณเยอะขึ้นเลยในวันนั้น
หนึ่งเลยคือเราทำให้เขากลัวได้ขนาดนั้นเลยเหรอ และในเวลาเดียวกันครูก็ต้องมีหน้าที่ซัพพอร์ตเขา เราก็เลยอ๋อการเป็นครูมันเป็นอย่างนี้นี่เอง มันเป็นเหตุการณ์ที่จะว่าเราประทับใจก็ไม่ได้นะ เพราะทำให้เขาร้องไห้ แต่มันทำให้หญิงรู้สึกเข้าใจในตัวละครมากขึ้นค่ะ”
ยังมีบทไหนที่ไม่เคยเล่นแล้วอยากเล่นอีกไหม?
หญิง – “เอาจริงๆ ตอนนี้อยากเล่นคอมเมดี้มาก เพราะหลังหยุดเล่น ‘เสือ ชะนี เก้ง’ ไป เรากลับมาเล่นดราม่าตลอดเลย และทุกเรื่องหนักหมด เลยเริ่มรู้สึกคิดถึงคอมเมดี้ แต่ถ้าถามในสายอาชีพนักแสดงที่อยากเล่นจริงๆ เลยเนี่ย อยากปิดการสื่อสารในบางจุด เช่น ตาบอดพูดไม่ได้ ยังไม่เคยเล่น ก็เลยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เล่นอะไรแบบนี้ไหม บางทีการเป็นนักแสดงก็คือการเปิดโสตประสาททั้งหมดของการเป็นนักแสดง แต่ถ้ามันถูกปิดไปซักหนึ่ง เราจะเล่นออกมายังไง เลยรู้สึกอยากลองอะไรแบบ นี้บ้าง”
ในเรื่องการเป็นนักร้อง คิดว่าทุกคนคงคิดถึง?
หญิง – “จริงๆ ทุกปีหญิงคิดตลอดว่าจะทำซิงเกิล แต่ไม่มีเวลาเลย แล้วมันยังหาคนทำเพลงหาสไตล์ที่กลับมาแล้วเราชอบ ณ วันนี้ยังไม่ได้ คือหญิงเป็นคนชอบแอฟโฟร่แดนซ์ พวกไทลาคือไม่ต้องเต้นเยอะ แต่เราต้องไปฝึกไลน์เต้นบางอย่างที่เป็นสไตล์ใหม่ๆ ก็เลยอยากจะให้เวลากับมันก่อน
แต่คิดว่าถ้ามีเวลาหลังจากนี้ อาจจะทำเพลงซักเพลงนึง เพลงเก๋ๆ สนุกๆ แล้วกลับมารับคอนเสิร์ตปีหน้า มีคิดอยู่ ยังอยู่ในหัวยังอยู่ในแพลน เป็นอะไรที่เรารักอยู่ และเป็นอะไรที่เราชอบ ไม่แน่ๆ ปีหน้า”
ถ้ามันจะออกมา คิดว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน?
หญิง – “คงเต้น แต่คงไม่ได้เต้นเยอะแบบสมัยเจ็บนิดนิด จินนี่จ๋าแล้ว คงเป็นเรื่องของโชว์ร้อง โชว์จริต โชว์ความเป็นเรา ความเป็นหญิง รฐา อาจจะเป็นเรื่องอะไรใหม่ๆ ที่เราพูด ณ วันนี้แล้วเหมาะกับเรา แต่คงเป็นฟีลแบบถ้าให้มองเป็นภาพก็เป็นฟีลโชว์สะโพกๆ ยังมีความเซ็กซี่อยู่ เราก็เล่นกีฬาเสริมสะโพกอยู่ตอนนี้ ก็อยากจะแบบคัมแบ๊กในมุมที่ดูสนุก
หลักๆ คงไม่ได้คาดหวังว่าเพลงต้องดังเหมือนยุคก่อน อาจจะเป็นเพลงที่ทำให้เราคัมแบ๊กกลับมาในฐานะนักร้อง ถ้าเป็นไปได้อยากกลับมารับงานคอนเสิร์ตร้องเพลงมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าภาพนักร้องหายไปเยอะ คนจะจำเราจากการเป็นนักแสดงตลกด้วย ก็เลยต้องพยายามหาอะไรที่รู้สึกว่าเป็นตัวเราให้เขาได้เสพบ้าง”
ขอเคล็ดลับความสวยหน่อย?
หญิง – “ออกกำลังค่ะ แล้วต้องมีวินัยกับตัวเองมากๆ งานก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีวินัย เพราะแต่ละปีเราต้องมีคอนเสิร์ตตลอดเวลา ปีนึงไม่ต่ำกว่าห้าเวทีจะเล็กจะใหญ่ เราอยากจะขึ้นไปแล้วคนเห็นว่าเรายังดูดี ยังดูแลตัวเอง อยู่ในร่างที่เต้นแล้วคนยังอยากมอง ต้องเป็นนักแสดงนักร้องที่เป็นแดนเซอร์ด้วย คนยังอยากเห็นเราใส่เสื้อผ้า เต้นแล้วยังสวยดูมีเคิร์ฟ ก็เลยเหมือนเป็นการบังคับตัวเองไปในตัว
แต่พออายุมากขึ้น รู้เลยว่าการออกกำลังกายที่เป็นคาร์ดิโอสำคัญ การออกกำลังกายที่เป็น weight barrier หรือ resistance มันสร้างกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อสร้างฮอร์โมน ดังนั้นมันคือการป้องกันตัวเองว่าอีกซักห้าปีหลังจากเมื่อหญิงเข้าสู่วัยก่อนหมดประจำเดือน คือเข้าสู่วัยทองเราสามารถบาลานซ์ฮอร์โมนเราได้จากการออกกำลังกาย คือเรามีร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เราเครียดอยู่ตลอดเวลา การตื่นหรือการทำงานเราก็ต้องมีการดับความเครียดโดยการออกกำลังกาย ออกกำลังกายมันช่วยลดความเครียด เพราะมันสร้างโดพามีน เอ็นโดรฟิน เซโรโทนิน อะไรพวกเนี้ย ทำให้เราบาลานซ์ฮอร์โมนดียิ่งขึ้น
ซึ่งการพักการนอนเป็นองค์รวมมากๆ ในการดูแลตัวเอง ปีนี้เลยตั้งใจพยายามสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น คือไม่ได้มองตัวเองว่าต้องมีซิกซ์แพ็ก แต่การสร้างกล้ามเนื้อเราต้องแข็งแรงมากขึ้น มวลไขมันเราลดน้อยลงเปลี่ยนไปเป็นกล้ามเนื้อ ทำให้มีฮอร์โมนที่ดีสร้างโกรทฮอร์โมน
ปีนี้โกล์ของหญิงอยากสร้างกล้ามเนื้อและทำให้ตัวเองเฟิร์มแล้วก็ฟิตที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จะเป็นโกล์ในแต่ละปี ส่วนปีหน้าอาจจะเอาหุ่นที่เฟิร์มแล้วนี่แหละไปเต้นค่ะ”
กัณฑมาศ ธรรมณี
กรผกา ธีระจารุวรรณ