วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขอขอบคุณ คณะรัฐมนตรี สส.ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ที่ได้ร่วมกันอภิปรายและโหวตรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 1 โดยมีข้อแนะนำ ท้วงติง ข้อเสนอแนะในหลากหลายประเด็น โดยเฉพาะงบที่ไม่จำเป็นต่างๆ ต้องขอบคุณฝ่ายค้านและหวังว่าฝ่ายค้านจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปพูดคุยในชั้นกรรมาธิการ วาระ 2 รวมถึงต้องขอบคุณข้าราชการทุกกระทรวง ที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักในการจัดเตรียมทำงบประมาณต่อไป
นอกจากนี้ สภาผู้แทนฯ ยังได้ร่วมลงมติผ่านร่าง พระราชบัญญัติ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จากนี้ก็จะนำ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมเข้าสู่การพิจารณาชั้น กมธ. โดยเร็ว และเมื่อพิจารณาในวาระ 2-3 และชั้นวุฒิสภาเสร็จสิ้น คาดว่าเดือนกันยายน คนกรุงเทพก็จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยการเสียค่าเดินทางรถไฟฟ้าเพียง 20 บาท ตามนโบายลดรายจ่ายให้พี่น้องประชาชน และยังช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแก้ไขปัญหา PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องขอบคุณสมาชิกสภาฯ ทุกท่านที่ร่วมโหวตเห็นชอบในวาระ 1 ที่ผ่านมา
นายดนุพร กล่าวถึง ประเด็นความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยขอเป็นกำลังใจให้กับทหารที่ปกป้องอธิปไตยประเทศอย่างแข็งขัน และก็เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็ร่วมใจขอบคุณทหารกล้าด้วยเช่นกัน โดยเมื่อเราได้รับข่าวสารเรื่องการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม จากนั้นวันที่ 29 พฤษภาคม ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศ ได้พบปะพูดคุยกัน จากนั้นก็ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกเลย จึงอยากฝากพี่น้องประชาชนว่าเจ้าหน้าที่ทหารพยายามทำงานเต็มที่เพื่อให้เหตุการณ์เข้าสู่ความสงบสุขโดยเร็ว
แต่ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเช่นกันในโลกออนไลน์มีข่าวปลอม ข่าวปั่นปลุกปั่นอยู่มากมาย จึงฝากพี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งในส่วนทางพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ทราบว่าทุกฝ่ายจะพยายามทำงานเต็มที่เพื่อให้ปัญหาการกระทบกระทั่งชายแดนเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนทั้งความมั่นคง ไม่กระทบกระเทือนการค้าขายชายแดนและขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์กระทบกระทั่งนั้นจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก
เมื่อถามถึงการปรับครม. นายดนุพร กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว พรรคเพื่อไทยพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง การปรับคณะรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรีก็เพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์บ้านเมือง ให้สอดคล้องกับงบประมาณต่างๆ สอดคล้องกับปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
ส่วนประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี โดยสลับกระทรวง หรือไม่ เป็นสิทธินายกฯ แต่พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลและมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค การปรับกระทรวงต่างๆ คงต้องได้พูดคคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรค ถ้าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อให้คณะรัฐมนตรีทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน และเราก็มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้าทำงานหนักต่อไปจนครบวาระของสภาผู้แทนราษฎรคือ 4 ปี และพร้อมเลือกตั้งใหม่ในปี 2570