เพจมนุษย์ควัน ถาม รณรงค์กันอย่างไร ทำคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1,000%
วันที่ 2 มิถุนายน นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “มนุษย์ควัน” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 20,000 คน โพสต์ข้อความถึงรัฐบาลไทย ระบุว่าประเทศไทยมีการรณรงค์เลิกบุหรี่มายาวนาน แต่ไม่เห็นสัมฤทธิ์ผล สวนทางกับงบประมาณและทรัพยากรที่ทุ่มเทลงไป การรณรงค์เลิกบุหรี่ของภาครัฐและเครือข่ายด้านสาธารณสุขในทุกวันนี้ ยังคงเน้นการจัดกิจกรรม จัดอีเว้นท์ จัดแข่งขันประกวดให้รางวัล ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำกันมานาน แต่ไม่เคยวัดผลความสำเร็จได้เลย ส่วนผู้ที่สูบบุหรี่ต่างก็ทราบดีถึงโทษจากควันบุหรี่อยู่แล้ว แต่เลือกที่จะยังสูบบุหรี่ต่อไป เราจึงควรหาแนวทางอื่น ๆ มาเสริม เพื่อตอบโจทย์คนเหล่านี้ด้วย”
นายสาริษฏ์ ตั้งคำถามว่า “มาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาดในประเทศไทย เป็นแนวทางที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุดจริงหรือ เพราะสถิติผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 70,000 คน จนปัจจุบันมีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 9 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 13-15 ปี ที่มากถึง 3.4 แสนคน เพิ่มขึ้นกว่า 5.3 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2558 และยังไม่สามารถแก้ปัญหาหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาธุรกิจใต้ดิน ตลาดมืด และห้ามการเข้าถึงของเยาวชนไม่ได้ 2) การแบนไม่ช่วยลดจำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า 3) บุหรี่ไฟฟ้าถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการสร้างผลงานโดยรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน
“มาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าที่มีมานานกว่า 10 ปีในไทย ถูกสร้างขึ้นมาโดยอ้างว่าเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นมาตรการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดตลาดมืดขนาดใหญ่ เราคุมคุณภาพ รูปแบบ และมาตรฐานสินค้าไม่ได้ และควบคุมการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนไม่ได้จริง ผลที่ออกมาคือเราเจอบุหรี่ไฟฟ้าหน้าตาแปลก ๆ ออกแบบมาเพื่อดึงดูดเยาวชน ซ้ำยังมีใส่สารเสพติดขายกันเกลื่อนตามตลาดนัดและหน้าร้านออนไลน์ ไม่มีใครคุมได้”นายสาริษฏ์ กล่าว
นายสาริษฏ์ ย้ำว่า กฎหมายควบคุมบุหรี่และการแบนบุหรี่ไฟฟ้าที่มีอยู่ทุกวันนี้เน้นประเด็นเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ทำให้ขาดความสมดุลและไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและสังคมปัจจุบัน เช่นเดียวกับกรณีการสร้างห้องสูบบุหรี่ในสนามบินสุวรรณภูมิที่เสียงของประชาชนต่างก็เห็นด้วย แต่ก็ยังมีเครือข่ายรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ออกมาคัดค้าน
“รัฐบาลควรมองปัญหาให้รอบด้าน และรับฟังเสียงจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น นักวิชาการด้านสาธารณสุข นักวิชาการด้านเศรษฐกิจและสังคม ผู้สูบบุหรี่ และผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเองด้วย เพราะทุกฝ่ายต่างมีมุมมอง ประสบการณ์ ความเห็น และบทเรียนจากการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในต่างประเทศจากหลายมิติที่แตกต่างกัน ซึ่งรัฐบาลสามารถใช้ประโยชน์จากรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ ที่ศึกษาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และได้ผ่านการรับรอง ส่งต่อไปยัง ครม. แล้ว เพราะรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมความเห็นของทุกฝ่าย และกรรมาธิการส่วนใหญ่ก็เห็นชอบที่จะนำบุหรี่ไฟฟ้ามาควบคุมด้วยกฎหมายอย่างเคร่งครัด มากกว่าการแบนต่อไป