ฝากขังผัดแรก 5 ทรชน ขโมยบุหรี่ไฟฟ้ากรมศุล ชนรปภ.ดับ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก ตร.สอบเพิ่มขยายผล
จากกรณี 6 ผู้ต้องหา บุกงัดตู้คอนเทนเนอร์ปล้นบุหรี่ไฟฟ้า และขับรถชน รปภ.เสียชีวิต โดยของกลางดังกล่าว เป็นคดีของกรมศุลกากร และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ จับกุมดำเนินคดีในเวลาต่อมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 มิถุนายน ที่ สน.ท่าเรือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เดินทางเข้าร่วมสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย
1.นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ อายุ 38 ปี 2.นาภียกร หรือคิง ธิติปุญญวัชร์ อายุ 27 ปี 3.นายเอกชัย หรือเอก สมใจ อายุ 42 ปี 4.นายธนทร หรือจี ก้อนนาค อายุ 41 ปี 5.นายนรินทร์ หรือเบิร์ด กาเผือก อายุ 46 ปี
และ 6.นายสุวัฒน์ หรือเล็ก พ่วงยาม อายุ 42 ปี
โดยทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดี 4 ข้อหา “1. ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม 2.ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป 3.ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 4.ซ่องโจร”
ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ และนายสุวัฒน์ หรือเล็ก ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหาคือ “ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้” รวมเป็น 5 ข้อหา
ด้าน พล.ต.ต. วิทวัฒน์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการนำตัวนายสน ซึ่งมีผู้ต้องหาซัดทอดว่า เป็นคนชี้เป้าให้ขโมยขอ มาสอบสวน เบื้องต้น นายสนทำงานเป็นช่าง ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว อยู่ภายในสนามฟุตซอล โกดังสเตเดียม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และการท่าเรือ ซึ่งนายสนรู้จักกลุ่มผู้ต้องหาบางส่วน
ทั้งนี้นายสนยังอ้างว่า ไม่รู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าถูกเก็บอยู่ในตู้ใด ส่วนการปล้นที่เกิดขึ้น นายสนอ้างว่าตนนอนอยู่ที่บ้าน
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ยังกล่าวต่ออีกว่า จากการสอบปากคำนายแบงค์ มีการอ้างถึงบุคคลอื่นอีก มีประมาณ 1-2 คน เป็นเพื่อนของเพื่อน เคยทำงานเป็นอดีต รปภ.ของกรมศุลกากร ซึ่งออกจากการเป็น รปภ.นานแล้ว ซึ่งจากคำให้การนายแบงค์อ้างว่า อดีต รปภ.คนนี้เป็นคนให้ข้อมูลเรื่องการจัดเก็บของกลาง โดยตำรวจจะต้องทำการพิธีสูจน์ทราบและขยายผลต่อ ส่วนจะเป็นคนในชุมชนหรือไม่ขอตรวจสอบก่อน ทั้งนี้ ผบก.น.5 ยืนยันว่า จากคำให้การไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง
ส่วนการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ปล้นออกไปได้ล็อตแรก มีการนำไปขายต่อทันที โดยเมื่อได้ของมาแล้ว ก็มาบอกต่อกลุ่มเพื่อนเพื่อให้ช่วยหาคนรับซื้อโดยไม่ได้มีออเดอร์มาก่อนล่วงหน้าและอ้างว่าไม่ได้มีเจ้าประจำรับซื้อ ซึ่งขณะนี้ความต้องการบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดค่อนข้างสูงอยู่แล้วเพราะหาซื้อยาก ซึ่งในส่วนของล็อตแรก ได้ส่งขายไปให้กับเจ้าใหญ่รายเดียว ได้เงินมาประมาณ 300,000 บาท และมีการแบ่งส่วนแบ่งให้กับ 3 คน คือ แบงค์ เอก และเล็ก เพราะร่วมก่อเหตุตั้งแต่ขโมยของล็อต หลังจากนั้นก็มาปล้นต่อทันที ของวันที่ 1 มิ.ย. ต่อเนื่อง โดยในรอบหลัง มีผู้ก่อเหตุเพิ่มมาเป็นทั้งหมดรวม 6 คน
โดยตำรวจจะต้องไปขยายผลเพิ่มเติมกับ คนรับซื้อด้วย เพื่อตรวจสอบว่ากระจายสินค้าไปที่ไหนบ้างและเพื่อพิจารณาว่าจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ส่วนจะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้นขอรอความชัดเจนในการขยายผลก่อน
ต่อมา เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ นำตัวผู้ต้องหา 5 ราย ส่งฝากขังผัดแรก ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
ทั้งนี้ระหว่างคุมตัวขึ้นรถฝากขัง นายคิงเปิดเผยว่า ตนเพิ่งทำครั้งแรก ไม่ขอพูดถึงเรื่องส่วนแบ่ง ยอมรับว่าเต็มใจไปทำเอง ไม่มีใครบังคับ ส่วนนายเบิร์ดก็ยืนยันว่าก่อนหน้านี้ทุกคนเข้าใจผิดกัน ตนไม่ได้เป็นลูกน้องของตำรวจตามที่สื่อนำเสนอไป เพราะถ้าตนเป็นลูกน้องตำรวจจริงก็คงไม่ต้องมาติดคุกแบบนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแค่มาทำความสะอาดและซื้อของให้เท่านั้น ไม่ได้ทำงานอะไรที่เกี่ยวกับการสืบสวน ตอนนี้รู้สึกเสียใจ และอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับนายเล็ก ก็ตะโกนออกมาว่า “ผมเสียใจครับ”
ส่วนนายแบงค์นั้น ตำรวจยังควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำอยู่ที่ สน.ท่าเรือ