ไม่จบ! ‘จุลพันธ์’ แจงคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ยังไม่เคาะสรุปแผนใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท หลังหน่วยงานพาเหรดส่งแผนงาน-คำขอใช้งบกระหึ่ม ระบุต้องพิจารณารอบคอบ ขยับถกสัปดาห์หน้าอีกรอบก่อนชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ
5 มิ.ย. 2568 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2568 ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เป็นประธาน ว่า ขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐเสนอแผนงานและคำของบประมาณเข้ามาจำนวนมาก ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามแผนเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะอนุมัติให้โครงการใดบ้าง โดยการพิจารณาจะต้องดำเนินการตรวจสอบรายเอียดเพื่อคัดกรองโครงการที่เหมาะสมก่อน ซึ่งจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า
“ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่ามีโครงการใดบ้างที่จะได้งบ โดยจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ อีกครั้งเพื่อหาข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า” นายจุลพันธ์ ระบุ
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐเสนอโครงการเพื่อขอใช้งบ มากกว่า 100 โครงการ ซึ่งสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดและคัดกรองเบื้องต้น โดยยังไม่มีข้อสรุปว่าจะอนุมัติโครงการใดบ้าง ส่งผลให้การประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะยังไม่มีการประชุมในวันที่ 5 มิ.ย. 2568 ตามกำหนดเดิม
ทั้งนี้ การพิจารณาโครงการที่จะใช้งบประมาณจะต้องรอบคอบและพิจารณาให้ตรงเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด จึงต้องกลับไปดูรายละเอียดรายโครงการให้ชัดเจน เพราะหลายโครงการมีวงเงินสูง แต่ไม่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง
สำหรับโครงการที่เสนอเข้ามาแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบน้ำ การคมนาคม โครงการขนาดเล็กในท้องถิ่น 2. การพัฒนาชุมชน 3. การส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งกำลังชะลอตัว และ 4. โครงการที่มีผลต่อการจ้างงานและการกระจายรายได้อย่างรวดเร็ว
“แม้บางโครงการจะใช้งบประมาณสูง เช่น 80,000 ล้านบาท แต่หากไม่ตรงเป้าหมายหรือไม่มีความพร้อม ก็จะถูกคัดออก เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบได้เร็วและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยยืนยันว่าทุกภาคส่วนกำลังเร่งทำงานอย่างเต็มที่ และการพิจารณาโครงการจะไม่ใช้ปริมาณเป็นตัววัด แต่เน้นประสิทธิภาพและผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยทุกอย่างต้องพร้อมก่อนถึงจะถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ได้ เราไม่เร่งเคาะเพราะต้องการความรอบคอบ และไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำ” นายเผ่าภูมิ กล่าว