‘บุณยสิทธิ์’ เปรียบเศรษฐกิจเสมือนยุคสามล้อ เหตุชะลอตัวและวิฤกติกว่าโควิด ชี้แจกหมื่นแค่การหาเสียง ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ เผยไทยควรมีโครงการขนาดใหญ่ดึงนักลงทุนต่างชาติ พร้อมปรับแผนชะลอแฟชั่น รุกธุรกิจอาหาร สัตว์เลี้ยง และสุขภาพ

5 มิ.ย. 2568 – นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังไม่ดี แต่สำหรับในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม อินโนนีเซีย ยังมีการเติบโต ซึ่งประเทศไทยเองก็เคยเติบโตในระดับสูงมาก่อน แต่ปัจจุบันแม้ว่าหลายภาคส่วนจะมีการปรับตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่มองว่าระดับการเติบโตของไทยยังอยู่ระดับใช้ได้ เนื่องจากฐานของไทยเคยเติบโตสูงมาก่อน ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ต้องมาดูว่าเรื่องของภาษีทรัมป์จะกระทบมากน้อยเพียงใด แต่คาดการณ์ว่าจะไม่นาน เนื่องจากทั่วโลกเห็นว่าสหรัฐฯ จะมีการขึ้นภาษี หลายประเทศก็มีการตั้งหลักไว้แล้ว ต้องมาดูว่าแต่ละประเทศจะมีเดินหน้ากันอย่างไร ส่วนมุมมองภาษีทรัมป์เห็นว่าไทยควรอยู่ตรงกลาง ไม่ไปทางซ้ายหรือขวา ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

ขณะเดียวกันเครือสหพัฒน์ได้ผ่านวิกฤติทางเศรษฐกิจมาหลายครั้ง ซึ่งหากเศรษฐกิจดี ธุรกิจก็จะดี ไม่ดีก็อาจจะเติบโตช้า แต่บริษัทเลือกที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับบริษัทมากกว่า แม้ภายนอกจะมองกันว่าเติบโตช้ากว่าคนอื่น แต่บริษัทสร้างจากฐานของตัวเอง ไม่ได้พึ่งพาการกู้เงินจำนวนมากจากต่างประเทศ

ส่วนนโยบายของภาครัฐกับการแจกหมื่นที่ผ่านมา มองว่าเป็นเหมือนการหาเสียงมากกว่าที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ซึ่งความจริงแล้วประเทศไทยควรต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีการพัฒนา แต่หากเอาอย่างเดิมเป็นหลักต่างประเทศก็จะถอย ส่วนตัวเห็นว่าโครงการโครงการแลนด์บริดจ์ หรือโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ จะเป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดี ซึ่งควรที่จะลงมือทำ เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น ก็นับว่าจะเป็นการต่อยอดจากอีอีซีที่อยู่อีกภาค และเป็นการขยายมาสู่ภาคใต้ ซึ่งจะทำให้การขนส่งมีความสะดวกยิ่งขึ้น  

“เศรษฐกิจปีนี้เหมือนกับยุครถสามล้อ เนื่องจากมีการเติบโตที่ถอยลงมา ถ้าเราพัฒนาเศรษฐกิจได้ดี ก็จะเป็นรถยนต์อีวี นับว่าลำบากกว่าปีที่แล้ว หรือยิ่งกว่าตอนมีการแพร่ระบาดโควิด ต้องมีโครงการทำให้ต่างประเทศเชื่อมั่นและกล้ามาลงทุน บางทีต่างประเทศอยากมาลงทุน แต่เราทำช้า เขาก็ไม่มา ซึ่งแต่ละยุคต้องมีการปรับตัว หากรู้จักปรับตัวก็มีโอกาสและอยู่รอด โดยของเรามีการทุนร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เยอะขึ้น โดยที่ผ่านมาธุรกิจเสื้อผ้าเราเยอะ ก็จะอาจจะลดลง เนื่องจากไม่ได้เติบโต จะขยายตัวอื่น เช่น อาหาร เราก็ยังลุยอยู่ ช่วงนี้การตลาดมุ่งธุรกิจอาหาร สุขภาพ และสัตว์เลี้ยง เป็นธุรกิจหลักที่เครือสนใจในตอนนี้ ”