“CMO” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีเวนต์ครบวงจร ชี้ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ปี 2568 ฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมกางแผนเดินหน้าเสริมทัพทีมงาน-อัดฉีดงบฯลงทุนอุปกรณ์เพิ่มเท่าตัว หวังรับดีมานด์หลากหลาย ส่ง “ทีมขาย” แนะนำบริการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-รักษาฐานลูกค้าเก่า ตั้งเป้า 3-5 ปี สยายปีกต่างประเทศ มั่นใจรายได้สิ้นปี 2568 แตะ 1,600 ล้านบาท
นายมงคล ศีลธรรมพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริหารจัดการงานอีเวนต์, นิทรรศการ, พิพิธภัณฑ์, งานประชุมสัมมนา, คอนเสิร์ต และเฟสติวัล เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงทิศทางธุรกิจอีเวนต์ปี 2568 ว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังมีความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ แต่บริษัทยังคงเห็นสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สะท้อนจากผลงานในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 กลุ่มบริษัทมีรายได้เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะทั้งธุรกิจอีเวนต์ ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของบริษัท โตเพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ระบบภาพแสงเสียงครบวงจร เติบโตเพิ่มขึ้น 101% และธุรกิจการติดตั้งระบบสาธารณูปโภค เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 293% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ไตรมาส 2 ยังคงมีงานรันต่อเนื่องทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มงานอีเวนต์ และกลุ่มซัพพลายอุปกรณ์ระบบภาพแสงเสียง โดยต่อปีบริษัทจะมีการจัดงานอีเวนต์มากกว่า 500 งาน สะท้อนถึงดีมานด์ที่มีอย่างต่อเนื่องในตลาด
โดยกลุ่มงานที่มีดีมานด์ต่อเนื่องนั้น อาทิ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Luxury Brand, งานดูแลจัดทำพาวิเลียนในงาน Money Expo 2025, งาน THAIFEX 2025, งาน SET in the City 2025, งานประชุมสัมมนาต่าง ๆ
นายมงคลกล่าวต่อว่า จากแนวโน้มการเติบโตของดีมานด์ดังกล่าว ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทจึงวางแผนเดินหน้ารองรับตลาดที่เติบโต ด้วยการขยายทีมงานจากเดิมมีอยู่ 5-6 ทีม เป็นกว่า 10 ทีม พร้อมตั้งทีม Art & Design โดยเฉพาะขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเจเนอเรชั่นใหม่ที่ต้องการงานอีเวนต์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ดีไซน์ทันสมัย และใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยผสมผสานในงาน
“หนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทใช้ในขณะนี้คือ เพิ่มบุคลากรรุ่นใหม่ที่สามารถพูดคุยในภาษาเดียวกันกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Gen X, Gen Y ไปจนถึง Gen Z และ Gen Alpha เพื่อให้เข้าใจความต้องการเชิงลึก และตอบโจทย์ได้แม่นยำ”
รวมถึงลงทุนด้านอุปกรณ์ โดยเฉพาะระบบภาพและเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ มากกว่าปี 2567 เกือบเท่าตัว เพื่อเร่งยกระดับศักยภาพทีมโปรดักชั่น ที่ถือเป็นจุดแข็งของ CMO ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น พร้อมสร้างบริการที่ครบวงจร และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างเต็มที่
นายมงคลกล่าวว่า ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญกับการมุ่งรักษาฐานลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรเอกชน ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสูงถึง 80% ของฐานลูกค้าทั้งหมด ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยใช้บริการของบริษัท หรือเคยใช้แล้วห่างหายไปให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง
โดยจัดตั้งทีมขายโดยเฉพาะ ในการทำหน้าที่เข้าไปพบลูกค้า แนะนำบริการ และสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายทั้งเก่าและใหม่ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มเจเนอเรชั่นใหม่มากขึ้น
“เนื่องจากลูกค้าหลายองค์กรอาจจะมีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ทำให้คนใหม่ที่เข้ามาอาจยังไม่รู้จักบริษัทของเรา ดังนั้นเราจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ใหม่ และสื่อสารให้ชัดเจนว่าเราคือผู้นำในธุรกิจนี้ และมีศักยภาพรองรับได้ทุกมิติ”
นายมงคลกล่าวว่า ขณะที่แผนระยะยาว 3-5 ปี ทางบริษัทไม่ได้มองแค่การเติบโตเฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนหรือการสร้างพาร์ตเนอร์ในต่างประเทศอย่างจริงจัง
เนื่องจากเดิมการทำงานในต่างประเทศจะเป็นลักษณะการไปทำงานตามโจทย์ของลูกค้าที่เข้ามาจ้างงาน แต่ในอนาคตทางบริษัทจะสร้างพาร์ตเนอร์ในต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยคาดว่าภายใน 1-2 ปี ก็น่าจะได้เห็นภาพ
“เราไม่ได้มองแค่ตลาดในประเทศ แต่รวมถึงต่างประเทศและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน เพื่อวางเป้าหมายในการเป็นผู้นำของธุรกิจอีเวนต์ รวมถึงการขยับเป้าหมายของยอดขายและผลประกอบการ”
ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าบริษัทจะถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอีเวนต์ และมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี แต่ในแง่ของมาร์เก็ตแชร์เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดอีเวนต์ที่มีมูลค่าราว 18,000 ล้านบาท บริษัทยังมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการเติบโต
นายมงคลกล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความท้าทายในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะทั้งนโยบายการค้าของประเทศมหาอำนาจ ฯลฯ แต่เชื่อมั่นว่าอีเวนต์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญทางการตลาด ในการช่วยให้แบรนด์และภาคธุรกิจต่าง ๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง สร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขาย
โดยคาดว่าจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว จะทำให้สิ้นปี 2568 บริษัทมีรายได้แตะ 1,600 บ้านบาท จากปีก่อนหน้ามีรายได้รวมอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท
สำหรับบทบาทของภาครัฐในการกระตุ้นธุรกิจอีเวนต์นั้น เบื้องต้นมองว่างานอีเวนต์ส่วนใหญ่ที่ทางภาครัฐจัดขึ้น ยังคงเป็นงานอีเวนต์ที่จัดขึ้นตามเทศกาล แต่ถ้าหากจะให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอีเวนต์อย่างแท้จริงนั้น ยังต้องการให้ภาครัฐเข้ามามีบทบาทในการจัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่เพิ่มเติม เพื่อสร้างไดนามิกให้กับอุตสาหกรรมมากขึ้น
“เพราะถ้าถามว่าในตอนนี้ก็ต้องบอกว่าผู้ประกอบการในส่วนของฝั่งอีเวนต์ก็ต้องพึ่งตัวเองอยู่พอสมควร ประกอบกับยังไม่มีเม็ดเงินเข้ามาช่วยกระตุ้นอย่างชัดเจนสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้ก็คงต้องอาศัยแรงหนุนจากภาครัฐด้วย เพื่อที่จะเข้ามาช่วยทำให้ภาพรวมของตัวธุรกิจอีเวนต์มีความคึกคักเพิ่มมากขึ้น”