เมื่อวันที่ 30 เมษายน บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้นำด้านการให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมขนส่งสาธารณะ จัดงาน The Shift Hub: A New Era of Transport for All หรือ “ศูนย์กลางแห่งการเปลี่ยนผ่าน จุดเริ่มของระบบขนส่งมวลชนยุคใหม่เพื่อทุกคน” ที่รวบรวมเทคโนโลยีควบคุมการเดินรถ-เรือ อันล้ำสมัยเข้ามาอยู่ใน ศูนย์ควบคุมอัจฉริยะ Transit Smart Hub หรือ TS-HUB เพื่อพัฒนาการบริการขนส่งมวลชนของ ไทยสมายล์ บัส ให้ได้รับการยกระดับอย่างแท้จริง ทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า เป็นอีกก้าวสำคัญของระบบขนส่งมวลชนของคนไทย และจะได้เห็นการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจาก ไทย สมายล์ บัส การนำเทคโนโลยีมาใช้ภาคขนส่งสาธารณะ ศูนย์ควบคุมอัจฉริยะ อันเป็นหลักฐานของความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างแท้จริง ซึ่งตนเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยให้การบริการขนส่งสาธารณะของคนไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย
ด้าน น.ส. กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา คือช่วงเวลาที่ ไทย สมายล์ บัส เดินทางด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น และทุ่มเท ในบทบาทของผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะแห่งยุค ที่ยึดมั่นในพลังของเทคโนโลยี ความโปร่งใส และหลักธรรมาภิบาล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน ด้วยคำมั่นสัญญาว่า จะไม่หยุดพัฒนาเพี่อประสบการณ์ตลอดเส้นทางให้ผู้โดยสารทุกคน ได้รับการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย เข้าถึงง่าย และตอบโจทย์การใช้ชีวิต จึงนำมาสู่การก่อตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะแห่งนี้
น.ส. กุลพรภัสร์ กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ TS-HUB เป็นศูนย์กลางการควบคุมการเดินรถทั้งทางบกและทางน้ำครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะกลายเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับการบริการ ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) คอยมอนิเตอร์รวบรวมข้อมูลการเดินทางตลอด 24 ชม. ทำให้สามารถตรวจสอบ บริหารจัดการคุณภาพการให้บริการได้อย่างเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น
น.ส. กุลพรภัสร์ กล่าวว่า สำหรับระบบของห้อง TS-HUB ยังเข้ามาช่วยเสริมการบริหารงานหลังบ้านได้อีกด้วย เพราะตนมองว่า บริษัทรถเมล์จะเติบโตได้ต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อลดข้อผิดพลาด ไม่ใช้ความรู้สึกตัดสิน หรือ เรียกว่าเป็น “Data-Driven Company” เรานำข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าผู้โดยสารอยู่ตรงไหน ขึ้น-ลงป้ายใด ความต้องการใช้รถคือเท่าใด ระยะห่างของรถ อัตราการใช้พลังงาน กระทั่งปัญหารถไปกองสะสมด้วยสภาพจราจร สิ่งเหล่านี้เมื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์จะหาได้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์มากำหนดกลยุทธ์ พัฒนาบริการให้ลูกค้าได้ตรงจุด เช่น ข้อมูลจำนวนผู้ใช้บริการ เราต้องแยกประเภทให้เข้าใจแนวโน้ม รูปแบบการเดินทาง แล้วปรับปรุงคุณภาพบริการให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกำหนดเป้าที่สามารถวัดผลได้จริงกับทีมงาน หากผลสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เราก็รู้ได้จากข้อมูลว่าจะต้องพัฒนาตรงจุดไหนเพิ่มเติม
น.ส. กุลพรภัสร์ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่าแม้ “TS-HUB” จะเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานสู่ระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ ที่สอดรับกับเป้าหมายด้านการลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม และมีความพร้อมในการเชื่อมต่อกับโครงข่ายขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่น ๆ เพื่อรองรับการเป็นสมาร์ทซิตี้ในอนาคต แต่ความเป็นจริงของธุรกิจรถเมล์มีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้บริการผู้โดยสารวันละหลายแสนคน มีพนักงานอีกกว่า 5,000 คน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใดย่อมต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ เพราะ TSB เชื่อว่าต้องพัฒนา “คน” ไปพร้อมกับ “เทคโนโลยี” สร้างงานก่อเกิดอาชีพให้คนไทย เศรษฐกิจไทย เติบโตไปคู่กันถึงจะเป็นการยกระดับที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ น.ส. กุลพรภัสร์ กล่าวว่า เครือไทย สมายล์ บัส เปิดตัว ท่าเรือ “สยามเจริญนคร” เป็นจุดจอดเรือแห่งที่ 10 ให้บริการรับส่งผู้โดยสารในเส้นทาง สยามเจริญนคร – วัดวรจรรยาวาส – สาทร – ไอคอนสยาม – ราชวงศ์ – ราชินี – วัดอรุณฯ – ท่าช้าง – พรานนก – พระปิ่นเกล้า รองรับการเดินทางท่องเที่ยวของพี่น้องประชาชน ที่สามารถเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญริมน้ำเจ้าพระยาได้ แบบไม่ต้องเผชิญกับปัญหารถติด อันจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำพร้อมกับลดปัญหามลพิษของกรุงเทพมหานครได้อีกด้วย