บอร์ด สปสช.เห็นชอบปรับหลักเกณฑ์ขึ้นทะเบียน ‘ศูนย์บริการคนพิการ’
วันนี้ (9 มิถุนายน 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ซึ่งมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบ “ร่างประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีศูนย์บริการคนพิการ พ.ศ. …” พร้อมมอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เสนอร่างประกาศฯ ต่อประธานบอร์ด สปสช. เพื่อพิจารณาลงนามต่อไป
ทั้งนี้ ร่างประกาศฯ ฉบับนี้ มีสาระสำคัญในการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ ‘ศูนย์บริการคนพิการ’ เป็น ‘สถานบริการสาธารณสุขอื่น’ ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 สอดคล้องตามแนวปฏิบัติในการพิจารณากำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่น ตามที่บอร์ด สปสช. มีมติเห็นชอบในการประชุมครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ กำหนดให้บอร์ด สปสช. สามารถกำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่นเพิ่มเติมได้ โดยมติของที่ประชุมบอร์ด สปสช. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 เห็นชอบแนวปฏิบัติในการพิจารณากำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่นไว้ 3 หลักการ คือ เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีการดำเนินงานการให้บริการสาธารณสุขตามมาตรา 3 และไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ, เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีผลการดำเนินงานในด้านสาธารณสุขไม่น้อยกว่า 1 ปี และได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่ สปสช. รับรอง และมีบุคลากรที่มีประสบการณ์และได้รับรองสมรรถนะจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่ สปสช. รับรอง
“ในกรณีของศูนย์บริการคนพิการ บอร์ด สปสช. ได้เคยมีมติ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 โดยเห็นชอบให้เป็นสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามมาตรา 3 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะมีการออกแนวปฏิบัติใน 3 หลักการดังกล่าว ส่งผลให้การกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาของศูนย์บริการคนพิการมีความไม่สอดคล้องกับสถานบริการสาธารณสุขอื่นๆ ตามมาตรา 3 ดังนั้น ที่ประชุมบอร์ด สปสช. จึงเห็นชอบต่อร่างประกาศฯ นี้ เพื่อปรับให้ศูนย์บริการคนพิการมีความสอดคล้องกับสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามมาตรา 3 โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด” นพ.จเด็จ กล่าว
เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามมาตรา 3 ที่ได้มีประกาศรองรับ ณ ปัจจุบัน นอกจากศูนย์บริการคนพิการแล้ว ได้แก่ ร้านขายยา (ขย.1) องค์กรภาคสังคมด้านเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุข ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์ สถานชีวาภิบาล และองค์กรหรือหน่วยงานที่ให้บริการปรึกษาเรื่องตั้งครรภ์ไม่พร้อม เป็นต้น
ทั้งนี้ ร่างประกาศฯ ฉบับดังกล่าว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป หรือศูนย์บริการคนพิการอื่นที่มีลักษณะ ดังนี้
1.เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีการดำเนินงานการให้บริการสาธารณสุข ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 และไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
2.เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีผลการดำเนินงานในด้านสาธารณสุขไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยได้รับการรับรองผลการดำเนินงานและผ่านการประเมินการให้บริการว่าเป็นไปตามมาตรฐานจากกรมส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับรอง
3.มีบุคลากรที่มีประสบการณ์และได้รับรองสมรรถนะ หรือมีบุคลากรที่ผ่านการอบรมหลักสูตรที่สอดคล้องกับบริการหรือกิจกรรมที่จะจัดบริการ เป็นไปตามมาตรฐานของ พม. หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับรอง