นายกฯ บอกต้องคุยกันหลัง อนุทิน ทวง ปฏิญญาช็อกมิ้นต์ เผย หนังสือ 21 รายชื่อ สส.รทสช. ขอปรับ ครม. ถึงแล้ว บอก ให้เคลียร์กันเอง ส่วน คปท.รวมพลบุก สธ. จวก สมศักดิ์ ไร้มารยาท ขอร่วมวงถกบอร์ดแพทยสภา ขู่อีก 2 สัปดาห์ยื่น ป.ป.ช.สอบ ส่วน แพทยสภา ประกาศ 12 มิ.ย.ลงมติคดีชั้น 14 ครั้งสุดท้าย ลั่นทุกคนยึดมั่นในจริยธรรม-กม.
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 11 มิ.ย. 68 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กรณี 21 สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยื่นหนังสือขอให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้าง หนังสือดังกล่าวถึงมือนายกฯหรือยังว่า ถึงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคเขา ให้เขาเคลียร์กันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา เมื่อถามอีกว่า การปรับ ครม. ขณะนี้พิจารณาไปถึงไหนแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไร
เมื่อถามถึง กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ทวงถามถึงปฏิญญาช็อกมิ้นต์ ที่แบ่งโควตาตอนตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ตอบว่าเดี๋ยวคงคุยกันค่ะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายอนุทิน ร่วมคณะไปด้วย โดยเมื่อนายอนุทินได้ฟังคำตอบจากนายกฯแล้ว ผู้สื่อข่าวได้ถามนายอนุทิน ที่เดินอยู่ด้านหลังนายกฯว่า เสี่ยหนูว่าอย่างไร โดยนายอนุทินยิ้มและเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง จากนั้นนายกฯ และคณะได้เดินเข้าไปภายในห้องรับรอง ก่อนเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่ม คปท. พร้อมด้วยกองทัพธรรม เครือข่ายนักศึกษาปฏิรูปประเทศ นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประสาร มฤคพิทักษ์ เดินทางมายังบริเวณหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมชูป้ายขับไล่นายสมศักดิ์เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ก่อนเดินทางต่อไปยังอาคารแพทยสภา เพื่อให้กำลังใจยืนยันมติแพทยสภา เมื่อวันที่ 8พ.ค.ที่ให้ลงโทษแพทย์จำนวน 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร จากรพ.ราชทัณฑ์ ไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ทั้งนี้นายพิชิต กล่าวว่า นายสมศักดิ์ กำลังเปลี่ยนความจริง เบี่ยงประเด็นทางสังคม ด้วยการวีโต้มติแพทยสภา นำมาสู่การที่แพทยสภาต้องประชุมกันในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อยืนยันมติเดิมหรือไม่ การขอเข้าร่วมการประชุมของนายสมศักดิ์ถือเป็นส่วนเกินของคณะกรรมการ และเป็นการผิดมารยาทของวงการแพทย์ เพราะนายสมศักดิ์ ไม่เห็นด้วยกับมติแพทยสภา แต่กลับจะเข้าไปนั่งในห้องประชุม มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากมองเป็นเจตนาไปกดดันต่อมติแพทยสภา ด้วยการเอาอำนาจการเมืองไปยุ่งเกี่ยวข้อเท็จจริงทางการแพทย์ โดยมารยาทแล้วแพทยสภา ไม่ได้ปฏิเสธหากอยากเข้าไปนั่งในห้องประชุม แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ไม่มีเหตุที่รัฐมนตรีต้องเข้าไปนั่งในห้องประชุมนั้น
พวกเราจึงเดินทางมาให้กำลังใจแพทยสภา โดยขอให้รัฐมนตรีปล่อยให้กระบวนการทางการแพทย์ที่มีวิทยาศาสตร์ เดินหน้าไปเพื่อความถูกต้องของประเทศไทย ไม่ควรใช้อิทธิพลทางการเมืองปกป้องนายใหญ่เพียงคนเดียวมาเปลี่ยนแปลงความบริสุทธิ์ของความจริงในวงการแพทย์ พวกเราขอให้แพทยสภาฉีดยาความจริงให้สังคมอีกครั้งในการยืนยันมติเดิมในวันที่ 8 พ.ค.นายพิชิตกล่าว
นายชาญชัย กล่าวว่า คุณสมศักดิ์กำลังก้าวล่วงไปทำลายระบบการควบคุมวิชาชีพของแพทย์ จากเดิมที่ทำลายระบบยุติธรรมไปแล้ว ถ้าคุณสมศักดิ์ยังเดินในทางนี้ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ คุณสมศักดิ์เตรียมไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาล ได้เลย ผมร่างหนังสือไว้แล้ว จะบอกให้คุณสมศักดิ์รู้ว่าในฐานะรมว.สาธารณสุข จะทำอะไรทำไป วันนี้คุณก้าวล่วงอำนาจเกินอำนาจที่คุณมีอำนาจอยู่แล้ว กำลังทำผิดกฎหมายบางตัวอยู่ จึงมาเตือนให้คุณรู้ว่าอำนาจของคณะกรรมการแพทยสภามีอำนาจแค่ไหนที่ถูกต้อง หากไม่ถูก คนเดือดร้อนก็ไปร้องศาลปกครอง ไม่ใช่คุณสมศักดิ์ต้องมาปกป้องรักษานายตัวเอง นายชาญชัย กล่าว และว่า ถ้าแน่จริงก็บอกนายทักษิณเอาเวชระเบียนออกมาชี้แจงต่อสังคม
ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ กล่าวว่า การลงมติแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย.2568 จะเป็นการลงมติประวัติศาสตร์ที่สังคมจะจารึกไว้นานเท่านาน การที่สภานายกพิเศษฯ วีโต้มติแพทยสภาที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คนไปนั้น ทำให้เกิดผล 2 อย่าง คือ 1.เส้นแบ่งชัดเจนระหว่างถูกกับผิด จริงกับเท็จ ส่วนตัวกับส่วนรวม ภักดีส่วนตัวกับผลประโยชน์ประเทศ 2.เป็นผลทดสอบภูมิต้านทานแพทยสภา ที่ลงมติไปแล้วยังยืนหยัด มั่นคงหรือไม่ ดังนั้นตนขอฝากแพทยสภาดำรงหลักความมั่นคง จริยธรรมในวิชาชีพเวชกรรม และจะไม่ไหวเอนไปตามแรงลม การเมืองใดๆ ส่วนที่ว่ามีแชทหลุด ซึ่งตนพยายามอ่านแล้ว ไม่มีอะไรมากเพียงแต่พูดถึงคนหนึ่งคนและมีอีกคนส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ตอบว่าเยส แล้วมีการพยายามหยิบมาเป็นน้ำหนักและเหตุผล ส่วนตัวเห็นว่าไร้สาระอย่างสิ้นเชิง ที่มีคำถามมาว่าแพทยสภาไม่มีจริยธรรม ก็อยากฝากถามว่าใครไม่มีจริยธรรม คนที่ออกมาพูดว่าแพทยสภานั้น ต้องทบทวนตัวเองเรื่องจริยธรรม
นายจตุพร กล่าวว่า วิบากกรรมวันนี้กลับมาที่กระทรวงสาธารณสุข ท่านเคยปลดแอกกับรัฐบาลที่ชั่วร้ายอย่างไร วันนี้ท่านควรจะเริ่มต้นอย่างเช่นในอดีต วันนี้อย่าห้ามรัฐมนตรี ยุเลย อย่าเปลี่ยนใจ พรุ่งนี้ไปนั่งร่วมประชุมในแพทยสภา และหลังจากนี้ขอให้ท่านโชคดี นายจตุพรกล่าว
นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้จัดการสำนักงานเลขาธิการแพทยสภาและอดีตนายกแพทยสมาคมโลก กล่าวว่า ขอยืนยันว่า คณะกรรมการแพทยสภา 70 ท่าน พร้อมที่จะทำหน้าที่รักษาคุณธรรม และดำเนินการให้เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย ตามพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมฯ มีบัญญัติว่า การจะทำสิ่งใดที่เป็นกิจการใด รวมถึงการลงโทษ หรือการออกข้อบัญญัติใดๆ ต้องผ่าน รมว.สธ. และนำเข้าสู่ครม.ให้ทราบ ดังนั้น พ.ร.บ.วิชาชีพฯ หากกรรมการชุดใหญ่ตัดสินอย่างไร ต้องรายงานให้สภานายกพิเศษให้ทราบด้วย ซึ่งเราทำตามหน้าที่แล้ว โดยมติเราสรุปแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 แต่เราทำตามกระบวนการตามกฎหมายเสนอให้สภานายกพิเศษ ส่วนท่านจะคิดเห็นอย่างไรเป็นสิทธิของท่าน ซึ่งก็ต้องนำกลับเข้าที่ประชุมแพทยสภาอีกครั้ง เพื่อว่าจะลงมติเห็นควรอย่างไรในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ เป็นการสุดท้าย
"ขอให้เชื่อว่า กรรมการแพทยสภาทุกคนเรายืดมั่นในจริยธรรมของแพทย์ และการดูแลแพทย์ทั่วประเทศ แพทย์มีทั้งทำคุณงามความดี ให้ประโยชน์ต่อสังคม เราก็มีการยกย่องให้รางวัล แต่หากท่านใดทำไม่ถูกต้อง แพทยสภาก็มีหน้าที่ในการตักเตือน ตามบทลงโทษของ พ.ร.บ.วิชาชีพฯ ดังนั้น วันที่ 12 มิถุนายน ผลจะออกมาอย่าไรขอให้ติดตาม ผมไม่สามารถทำนายล่วงหน้าได้" นพ.วันชาติกล่าว