‘บิ๊กอุ้ม’เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทุกโรงเรียนเปิดเรียนตามปกติ พร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝัน
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจของผู้บริหารระดับสูงศธ.ว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานเกี่ยวกับการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาสู่ระดับสากล โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการนำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพป.) ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม มานำเสนอมิติการขับเคลื่อนโครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาตามโครงการประเมินนักเรียนระดับนานาชาติ หรือ ปิซา พบว่า 1 ในกลุ่มตัวอย่างยังมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อนกับเรื่องของการสอบปิซ่าอยู่บ้างจึงได้ให้มีการนำข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อทำความเข้าใจต่อไป ซึ่งคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนทั้ง 245 เขตพื้นที่ฯจะมีความเข้าใจในเรื่องของข้อสอบปิซาได้อย่างครบถ้วน
“ทั้งนี้สพฐ.ยังได้มีการขับเคลื่อนตามนโยบาย 3 บวก 1 คือ การเรียนรู้ภาษาไทย อังกฤษ จีน บวกกับ ความรู้ดิจิทัล อย่างไรก็ตามผมได้เน้นย้ำให้ในเรื่องของการมุ่งเน้นให้เด็กนักเรียนมีสุขภาพแข็งแรง โดยมีการนำมิติของกีฬามวยไทยมาใช้เป็นการออกกำลังกายภายในสถานศึกษา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและด้านศิลปวัฒนธรรม”พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมยังได้มีการรายงานเกี่ยวกับเรื่องการโยกย้ายของนักเรียนที่ย้ายไปสู่โรงเรียนนานาชาติ โดยในตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนวิเคราะห์ว่าการเคลื่อนย้ายดังกล่าวเกิดจากกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนเอกชนด้วยกัน หรือ จากโรงเรียนในสังกัดอื่น ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานปลัด (สป.) ศธ.จัดเก็บข้อมูลดังกล่าวเพื่อนำมาวิเคราะห์และนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาต่อไป
“ขณะเดียวกันผมยังได้ให้มีการตรวจสอบข้อมูลของเด็กที่หลุดออกจากระบบและเด็กที่กลับเข้ามาสู่ระบบในปีการศึกษานี้เพื่อที่จะใช้ในการติดตามกลับเข้าสู่ระบบรวมไปถึงการป้องกันไม่ให้หลุดออกนอกระบบอีกครั้ง ส่วนในเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมของศธ.อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่ยังอาจจะยังมีการใช้จ่ายที่ไม่ถึงเป้าหมาย แต่ยังมีการขับเคลื่อนไปในทิศทางที่คาดว่าจะไปถึงเป้าหมายได้ และที่ประชุมยังได้มีการหารือในเรื่องของการร่างพรบ.งบประมาณปี 2569 เพื่อทำเรื่องของบประมาณกับทางรัฐบาลต่อไป”พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า ในส่วนของโรงเรียนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ยังไม่มีโรงเรียนใดที่สั่งปิด เนื่องจากภาพรวมสถานการณ์ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งนี้ทุกโรงเรียนก็มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และได้มีการเตรียมความพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่ไว้แล้วเช่นกัน คาดว่าจะไม่มีการยกระดับคำสั่งเป็นการสั่งหยุดเรียนเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังเป็นไปด้วยดี ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้มีการหารือในเรื่องนี้ซึ่งก็มีการพูดคุยไปในทิศทางที่ดี และขอให้มีความเชื่อมั่นเพราะทั้ง 2 ประเทศก็ถือเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันโดยในระดับพื้นที่อาจจะมีความเข้าใจผิดต่อกันอยู่บ้างแต่ในระดับภูมิภาคก็มีอาเซียนที่คอยช่วยเจรจาอย่างสันติวิธีร่วมกันอยู่แล้ว