ธุรกิจลานประมูลรถวุ่น รถยึดเข้าสู่ตลาดน้อยลง เอฟเฟ็กต์แบงก์เข้มสินเชื่อ-มาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” รวมถึงคนใช้รถนานขึ้น ดันราคารถมือสองพุ่ง 10% “สหการประมูล-แอพเพิลฯ” เผยรถยึดเข้าลานฯลด 20% คาดทั้งปี 2 แสนคัน แบงก์ชี้ปีหน้ารถยึดน้อยลงกว่านี้อีก นายกฯรถมือสองระบุมาตรการรัฐช่วยพยุงลูกหนี้ไม่ให้โดนยึดรถ ผู้จัดงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์” มั่นใจช่วยกระตุ้นตลาด
นายสุธี สมาธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์รถยึดเข้าลานประมูลในปี 2568 น่าจะไม่ต่ำกว่า 2 แสนคัน ใกล้เคียงหรือน้อยกว่าปีก่อนอยู่ที่ราว 2.5-2.6 แสนคัน ปัจจัยที่เข้ามามีผลกระทบต่อยอดยึดรถ ได้แก่ 1.ยอดขายรถใหม่ที่ยังไม่ได้ขยับแรง หากดูยอดการผลิตใหม่ทั้งขายในประเทศและส่งออกต่ำสุด 33 เดือนอยู่ที่ 1.3 แสนคัน
2.สถาบันการเงินเข้มปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยพิจารณาศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ทำให้ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ไม่ขยายตัว และ 3.นโยบายแก้หนี้ของรัฐบาล กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งภาพรวมจะคล้ายช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้การยึดรถจะชะลอลง แต่หลังมาตรการ คาดว่าอัตราการยึดรถจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ภาพรวมในไตรมาส 1 และไตรมาส 2/2568 จะทำให้ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปรับตัวลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินเร่งปรับโครงสร้างหนี้ก่อน และหลังเป็นหนี้เสีย (DR และ TDR) ทำให้เอ็นพีแอลลดลงจาก 2.3% ลงมาอยู่ที่ 2.1% ส่วนหนึ่งมาจากยอดสินเชื่อคงค้างปรับลดลงด้วย
อย่างไรก็ดี หากคุณภาพสินเชื่อปรับดีขึ้น สถาบันการเงินเริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อเหมือนเดิม และหากครบกำหนดโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จะเห็นสถาบันการเงินคงกลับมายึดรถเหมือนเดิม เนื่องจากตลาดรถมือสองกลับมาดีขึ้น โดยราคารถมือสองปรับดีขึ้นราว 10% ทำให้สถาบันการเงินสามารถยึดรถมาขายทอดตลาดได้
พร้อมกันนี้บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณยึดรถในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนมากขึ้น เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเติบโตค่อนข้างสูงเฉลี่ย 15-25% เพราะสินเชื่อเช่าซื้อไม่เติบโต ทำให้สินเชื่อไปเติบโตในกลุ่มจำนำทะเบียนรถ ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ทั่วถึง รายได้ไม่เติบโต กระทบความสามารถผ่อนชำระหนี้ ทำให้สัดส่วนรถยึดที่มาจากสินเชื่อจำนำทะเบียนมากขึ้น จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% ปัจจุบันเพิ่มเป็น 10% ของรถยึดเข้าลานประมูลทั้งหมด
ทั้งนี้ในช่วงที่มีรถเข้าลานประมูลน้อย รายได้ลดลง บริษัทจะมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่าย และบริหารต้นทุน รวมถึงหารายได้อื่นมาชดเชย เช่น เปิดบริการศูนย์ตรวจสภาพรถ ต่อทะเบียนรถ หรือการขายประกัน เป็นต้น โดยจะเริ่มทำในพื้นที่สำนักงานใหญ่ พื้นที่รังสิต และขยายพื้นที่ให้ครบทั้ง 13 แห่ง
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในไตรมาส 1/2568 ตามรายงานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเห็นว่า สินเชื่อเช่าซื้อยังคงหดตัว -10.2% สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ สะท้อนว่าธนาคารยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ห่วงความเสี่ยงเนื่องจากเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน และผู้บริโภคเองยังไม่มีความพร้อมในการขอสินเชื่อ
จากทิศทางดังกล่าว ส่งผลให้รถยึดเข้าระบบลานประมูลน้อยลง สอดคล้องกับธนาคารปล่อยสินเชื่อน้อยลง โดยอัตราการยึดรถของสถาบันการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3-2.4 หมื่นคันต่อเดือน ปัจจุบันลดลงเหลือ 1.8 หมื่นคันต่อเดือน สะท้อนว่าสถาบันการเงินยึดรถน้อยลงตามพอร์ตสินเชื่อที่ปรับลดลง รวมถึงมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” และมาตรการช่วยเหลือของธนาคาร ถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อัตราการยึดรถน้อยลง และส่งผลต่อเนื่องไปยังตลาดรถมือสองที่ปรับตัวดีขึ้น 5-10%
คาดการณ์รถยึดเข้าลานประมูลในปี 2568 จะอยู่ที่ 1.8-2 แสนคัน ซึ่งทิศทางปรับลดลงเรื่อย ๆ โดยปรับลดลงประมาณ 20% แม้จะปรับลดลง แต่เป็นการเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เพราะหลังเกิดวิกฤต มีรถเข้าลานประมูลค่อนข้างมาก เนื่องจากคนผ่อนชำระไม่ไหว และคนเริ่มเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มากขึ้น
อัตรารถยึดเข้าลานประมูลที่ปรับลดลง ส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัท ลานประมูล โดยคาดว่าจะกระทบยอดขายทั้งระบบลดลงประมาณ 10% ซึ่งบริษัท แอพเพิลฯ จะพยายามรักษากำไรให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 120 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายรถยนต์อยู่ที่ 4.5 หมื่นคัน จากปีก่อนอยู่ที่ 4.6-4.7 หมื่นคัน รวมถึงขยายพอร์ตไปยังรถจักรยานยนต์ ขยายบริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนส่งออก และลดค่าใช้จ่าย เพื่อรักษารายได้ให้มากที่สุด
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ขาดรถยึด ทำให้รถมือสองราคาปรับดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยเรื่องของเพดานราคารถป้ายแดงที่แข่งขันสูง เป็นปัจจัยที่ยังกดดันราคารถอยู่ แต่ถือว่าดีขึ้นจากอดีต เพราะในช่วง 1-2 ปีก่อนที่เร่งปล่อยสินเชื่อเป็นช่วงที่รถยนต์ขาดตลาดจากปัจจัยเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้รถยนต์มีราคาค่อนข้างสูง ขณะที่เต็นท์รถ ราคาซื้อและราคาขายมีช่องว่าง (Gap) ดังนั้นปัจจุบันสถานการณ์ขาดรถยึดถือว่าทยอยปรับดีขึ้น แต่ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเทียบเท่าในอดีต
มองไประยะข้างหน้าสถานการณ์รถยึดปรับลดลงเหลือเฉลี่ย 1.9-2 หมื่นคันต่อเดือน จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 หมื่นคันต่อเดือน ส่วนหนึ่งมาจากแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารลดลงต่อเนื่อง จะเห็นว่ายอดขายรถยนต์ใหม่จากปีก่อนอยู่ที่ 7.2 แสนคัน ปัจจุบันลดลงเหลือ 5.7 แสนคัน และหากธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ คาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อจะเหลือ 5.2 แสนคัน หรือปรับลดลง 30% อาจจะเห็นยอดรถยึดในปี 2569 ลดลงมาเหลือ 1.75 หมื่นคันต่อเดือน
นายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถยนต์มือสอง) กล่าวว่า ปัญหาสินเชื่อทำให้ไม่มีรถหมุนเวียนเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสอง ประกอบกับยอดรถยึด รถในลานประมูลมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากมาตรการของรัฐบาล ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ทำให้ยอดรถยึดบางส่วนหายไปจากระบบ และทำให้ผู้ถือครองรถยนต์มีความสามารถในการผ่อนชำระรถได้มากขึ้น
“มาตรการคุณสู้ เราช่วย ถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง และเราพบว่าผู้ใช้รถถือครองนานขึ้นจากเดิม 7 ปี เพิ่มเป็น 9 ปี เนื่องจากไม่ต้องการเป็นภาระหนี้สิน อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทำให้ไม่เปลี่ยนรถใหม่ และหากสถานการณ์เป็นแบบนี้ เชื่อว่าในช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปีหน้า รถยนต์มือสองที่อยู่ในตลาด น่าจะเป็นลอตสุดท้าย และหลังจากนั้นคาดว่าตลาดรถมือสองขาดแคลนหนักขึ้น”
นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025 ฝ่ายรถยนต์ใช้แล้ว กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดรถยนต์มือสองแข่งขันค่อนข้างสูง เนื่องจากรถยนต์ที่ซัพพลายเข้าสู่ตลาดมีน้อย ส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันกันหารถเข้าเต็นท์ของตัวเอง เป็นผลต่อเนื่องจำนวนรถยึดในลานประมูลมีน้อย ทำให้ดีมานด์และซัพพลายสวนทางกัน
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มองหารถยนต์มือสองคุณภาพดีไว้ใช้งาน จะแข่งขันค่อนข้างสูง ราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มไฮบริด ที่ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวและมีความเข้าใจ เช่น หากจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ใช้งบฯ 80,000-100,000 บาท หรือรับสภาพได้ว่ารถสามารถเข้าไปใช้ประกันส่วนแบตเตอรี่ได้ที่ศูนย์บริการหากประกันยังไม่หมด หรือรถกลุ่มรถครอบครัว เช่น อัลพาร์ด รถยุโรป ลูกค้าส่วนใหญ่ยังมองหา และเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้มีราคาค่อนข้างสูง
ในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ปีนี้ มีผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองเตรียมคัดรถคุณภาพเข้ามาร่วมจัดแสดงในงาน คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดโดยรวมได้ ปีนี้ถือเป็นครั้งที่ผู้จัดงานเพิ่มเงื่อนไขการรับประกัน “รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” เพื่อการันตีเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อรถว่า จะได้รถไมล์แท้ 100% หรือหากตรวจสอบว่าผิดเงื่อนไข ผู้จัดงานยินดีรับซื้อรถคืน 100% สำหรับงานฟาสต์ ออโต โชว์ 2025 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-103