ผู้เสียหายเชียงราย-เชียงใหม่กว่า 50 ราย ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกแก๊งตุ๋นหลอกพาทำงานเกาหลีใต้ผ่านเฟสบุ๊ค สูญเงินคนละ 7 หมื่น สุดท้ายไม่ได้ไป
พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 เปิดเผยว่าได้รับเรื่องร้องทุกข์จากกลุ่มผู้เสียหายจากจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่รวมตัวกันกว่า 50 คน เดินทางนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 หรือ บก.สอท.4 จ.เชียงใหม่ หลังถูกแก๊งหลอกลวงที่มีพฤติกรรมเป็นนายหน้าเถื่อนหลอกลวงทางออนไลน์ผ่านเฟสบุ๊ค อ้างว่าสามารถพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้อย่างถูกกฏหมาย สุดท้ายฝันสลายจ่ายเงินไปคนละเกือบ 7 หมื่นบาทแต่ไม่มีใครได้เดินทางแม้แต่คนเดียว ผู้เสียหายเดือดร้อนหนักไม่ได้บินแถมยังต้องแบกหนี้ที่กู้มาจ่ายให้
" จากการสอบปากคำและข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นพบเป็นการฉ้อโกงประชาชนโดยการหลอกลวงให้ไปทำงานต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ หลังจากนี้จะสอบปากคำผู้เสียหาย อายัดบัญชีของผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง และ สืบสวนขยายผลไปถึงผู้ทีร่วมขบวนการทั้งหมด โดยล่าสุดพบว่าผู้กระทำผิดยังอยู่ในประเทศไทย 2 ราย หลบหนีไปต่างประเทศ 1 ราย ยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์จะเร่งรัดดำเนินคดีเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด"พ.ต.อ.คมสัน กล่าว
ด้านนายวุฒิชัย ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า ในช่วงปี 2566 มีชายอายุประมาณ 35 ปี โพสต์เชิญชวนในเฟซบุ๊กอ้างพาคนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย โดยอ้างว่าหลายปีก่อนหน้าเคยไปเรียนศาสนาและเรียนภาษาที่เกาหลีใต้ ก่อนจะกลับมาทำงานที่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย โดยบอกว่ารู้จักกับคนในกระทรวงแรงงานของไทยและผู้บริหารในนิคมอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ สามารถช่วยให้เข้าทำงานได้อย่างถูกกฎหมายด้วยวีซ่า E-9
ทั้งนี้ด้วยความที่เป็นบุคคลสำคัญทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากที่เกือบทั้งหมดหลงเชื่อ พากันติดต่อสอบถามหวังเดินทางไปทำงานหาเงิน จากนั้นชายดังกล่าวจะไปพบและพูดคุยด้วยตัวเอง ก่อนจะดึงเข้าไลน์กลุ่มที่จะมีแอดมินเข้ามาให้รายละเอียด โดยแอดมินระบุค่าดำเนินการทั้งหมด เป็นเงิน 63,000 แบ่งเป็นค่าแปลเอกสารและเดินเรื่องทำวีซ่า 23,000 บาท ส่วนอีก 40,000 บาท เป็นเงินประกันการทำงาน จะได้คืนเมื่อทำงานครบ 1 ปี ขณะที่วีซ่าสามารถทำงานในเกาหลีใต้ได้ 3 ปี และ ต่ออายุได้อีก 1 ปี พร้อมการันตีรายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 55,000 บาท
โดยผู้เสียหายทั้งหมดต่างหลงเชื่อเพราะไม่คิดว่าชายดังกล่าวจะหลอกลวง พากันโอนเงินให้บาทหลวงคนละ 10,000 บาท เป็นค่าจองสิทธิ์ ส่วนที่เหลือโอนเข้าบัญชีแอดมิน แอดมินบอกใช้เวลาเดินเรื่องและจะได้บินไปเกาหลีใต้อีกประมาณ 4 – 6 เดือนให้หลัง
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้เดินทางไปจริง เมื่อสอบถามทางแอดมินจะอ้างว่าเอกสารมีปัญหา , มีการตรวจสอบภายการทุจริตในของกระทรวงแรงงาน ทำให้การอนุมัติล่าช้าและขอเลื่อนการเดินทางไปอีกสามถึงสี่เดือน หลายคนก็รอด้วยความหวัง แต่สุดท้ายก็มีใครได้ไป จนกระทั่งเดือนมกราคม 2568 ชายดังกล่าวได้เสียชีวิตลง จากนั้นแอดมินก็ออกจากกลุ่มและหายตัวไป
ทั้งนี้การหลอกลวงทำเป็นขบวนการ มีชายดังกล่าวและภรรยาทำหน้าที่ชักชวนหาคน โดยอาศัยความน่าเชื่อถือและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้เสียหายที่เกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มชาติพันธ์ ส่วนแอดมินที่เป็นสองสามีภรรยาทำหน้าที่หลอกลวงในการให้ข้อมูล โดยดังกล่าวจะได้เงินส่วนแบ่งรายละประมาณ 10,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นของทีมแอดมินที่อยู่เบื้องหลัง
โดยเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เสียหายเดือดร้อนหนัก เพราะส่วนใหญ่กู้เงินมาจ่าย ด้วยความหวังจะมีงานมีรายได้มาส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง เมื่อมาโดนหลอกลวงก็ต้องแบกหนี้สิน หลายคนโดนเจ้าหนี้ตามทวงจนเครียดหนัก กลุ่มผู้เสียหายเท่าที่รวบรวมกันได้ล่าสุดมีประมาณ 100 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท และเชื่อว่าจะยังมีอีกหลายคนที่ตัดใจไม่แจ้งความเพราะไม่อยากเสียเวลาและทำใจแล้วว่าคงไม่ได้เงินคืน
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายสามารถแจ้งสายด่วน 1441 อายัด ระงับบัญชีธนาคารมิจฉาชีพ ร้องเรียน ขอคำแนะนนำ ปรึกษาแจ้งความออนไลน์ : https://www.thaipoliceonline.go.th เท่านั้น